แบงก์ชาติเสนอคลังเปิดทางธุรกิจไทยนำเงินออกไปลงทุนต่างประเทศได้ไม่จำกัดวงเงิน หวังช่วยสกัดกั้นการแข็งค่าของค่าเงินบาท และเป็นหนึ่งในมาตรการชะลอการแข็งค่าของเงินบาท พร้อมสร้างความสมดุลระหว่างเงินไหลเข้าและไหลออก
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ธปท.อยู่ระหว่างเตรียมออกประกาศการผ่อนคลายกฎเกณฑ์เงินทุนเคลื่อนย้ายของนักลงทุนไทยที่จะไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มเติม คือ 1.การประกาศให้นักลงทุนรายย่อย และผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) สามารถออกไปลงทุนโดยตรงในสินทรัพย์ต่างประเทศได้โดยไม่จำกัดจำนวน โดยที่ไม่ต้องผ่านตัวกลางหรือตัวแทน และไม่ต้องขออนุญาต ธปท.เป็นรายกรณี จากเดิมกำหนดให้ออกไปได้ในวงเงินไม่เกิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,500 ล้านบาท
2.อนุญาตให้ผู้ที่มีภาระต้องชำระเงินตราต่างประเทศในอนาคต สามารถซื้อเงินตราต่างประเทศเก็บสะสมไว้ในบัญชีเงินฝากที่เป็นเงินตราต่างประเทศในประเทศไทย (เอฟซีดี) ได้ตามภาระจริงที่จะต้องชำระ และ 3.เพิ่มวงเงินการโอนเงินไปต่างประเทศต่อครั้ง จากเดิมกำหนดให้โอนได้ครั้งละไม่เกิน 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6 หมื่นล้านบาท เพิ่มเป็นให้โอนได้ตามความจำเป็นของผู้นำเงินออกนอกประเทศ
โดย ฝ่ายตลาดการเงิน ธปท. เตรียมเสนอต่อกระทรวงการคลังให้พิจารณาอนุมัติภายในสิ้นเดือน ก.พ.นี้ เพื่อช่วยให้การนำเงินออกไปลงทุนนอกประเทศ ทั้งเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์การขยายกิจการในต่างประเทศของเอสเอ็มอีไทยทำได้ง่ายขึ้น รวมถึงให้การซื้อสินทรัพย์ในต่างประเทศของบุคคลธรรมดา และผู้ส่งออกสะดวกมากขึ้น
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์รายงานว่า การออกประกาศเปิดทางลงทุนต่างประเทศโดยไม่จำกัดวงเงินดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในมาตรการชะลอการแข็งค่าของเงินบาท โดยจะต้องทำให้เงินไหลเข้าและไหลออกมีความสมดุลกัน เมื่อขณะนี้มีเงินทุนเคลื่อนย้ายเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพื่อหาผลตอบแทนที่่ดีมากขึ้น ก็จำเป็นต้องทำให้มีการไหลออกของเงินทุนออกไปในจำนวนที่มากพอๆกัน เพื่อสร้างความสมดุลของค่าเงินบาท และไม่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไป ซึ่งถือว่ามาตรการนี้เป็นมาตรการที่ดีและมีผลช่วยเรื่องค่าเงินอย่างมาก
ข่าวเด่น