คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.75% ในการประชุมวันนี้ (20 ก.พ.)ด้วยเสียง 6 ต่อ 1 โดย กนง.ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันยังเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ ขณะที่แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการประชุมครั้งก่อน นอกจากนี้ การคงอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้เนื่องจากเศรษฐกิจยังมีความเสี่ยงจากการเร่งขึ้นของราคาสินทรัพย์
นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุมกนง. ในวันนี้ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งแนวโน้มในระยะต่อไป เพื่อกำหนดแนวนโยบายการเงินที่เหมาะสม โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
เศรษฐกิจโลกมีเสถียรภาพมากขึ้น และมีสัญญาณดีขึ้นเมื่อเทียบกับการประชุมครั้งก่อน โดยเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจเอเชียยังขยายตัวได้ดีจากอุปสงค์ในประเทศและแนวโน้มการส่งออกที่ดีขึ้น ขณะที่แนวโน้มการบริโภคและการลงทุนของสหรัฐฯ ยังขยายตัว และหากเป็นไปต่อเนื่องก็จะเป็นแรงส่งสำคัญต่อเศรษฐกิจในระยะต่อไป สำหรับเศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรยังคงหดตัว และต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงมีปัญหาด้านการขยายตัว แต่มาตรการกระตุ้นทางการเงินการคลังน่าจะช่วยรองรับไม่ให้เศรษฐกิจหดตัวและมีเสถียรภาพขึ้นในระยะต่อไป แม้ในภาพรวม เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นกว่าการประชุมครั้งก่อน แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่จากความยืดเยื้อในการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะของกลุ่มประเทศยูโร และความไม่แน่นอนด้านนโยบายการคลังของสหรัฐฯ
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2555 ขยายตัวดีกว่าคาด โดยมีการใช้จ่ายในประเทศเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจจากปัจจัยพื้นฐานที่ดี รวมทั้งนโยบายการเงินและการคลังที่ยังคงผ่อนคลายในระยะต่อไป คาดว่าเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องและสูงกว่าที่คณะกรรมการฯ ประเมินไว้เดิม โดยอุปสงค์ภายในประเทศยังเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก รวมทั้งการส่งออกที่คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สำหรับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นบ้างจากการประชุมครั้งก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น
คณะกรรมการฯ มีความเห็นว่า นโยบายการเงินที่ผ่อนปรนในช่วงที่ผ่านมา มีส่วนเอื้อให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวในเกณฑ์ดี ในขณะที่เงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ภายใต้ภาวะที่เศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนอยู่ และเศรษฐกิจในประเทศยังมีความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงินจากการเร่งขึ้นของราคาสินทรัพย์ คณะกรรมการฯ จึงมีมติ 6 ต่อ 1 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2.75 ต่อปี
โดยกรรมการ 1 ท่าน เห็นสมควรให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 เพื่อลดความเสี่ยงจากเงินทุนเคลื่อน และเห็นว่าเศรษฐกิจในภาพรวมยังมีความเปราะบาง ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ จะติดตามความเสี่ยงด้านเสถียรภาพการเงินและสถานการณ์เงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป
ข่าวเด่น