การออมที่ลดลง ซึ่งสวนทางกับการก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงของสังคมไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะโครงการรถคันแรก
โดย นางสุวรรณี คำมั่น รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภาวะสังคมไทยไตรมาสที่ 4 และภาพรวมปี 2555 ว่า ครัวเรือนของไทยมีความเสี่ยงที่จะเป็นหนี้ซ้ำซ้อน และมีหนี้มากกว่าการออม หลังมีการก่อหนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในไตรมาส 4 พบว่า ครัวเรือนมียอดคงค้างสินเชื่อเพื่ออุปโภคบริโภคมากถึง 2.91 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.6% ส่วนหนึ่งได้เพิ่มขึ้นจากการกู้เงินมาซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ถึง 33.9% โดยเฉพาะในโครงการรถยนต์คันแรกที่มียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันหากเทียบหนี้สินกับการออมเงิน ยังพบว่า นอกจากครัวเรือนจะมีการก่อหนี้เพิ่มขึ้นแล้ว ระดับการออมยังอยู่ในระดับต่ำ เพราะจากข้อมูลรายได้ประชาชาติปี 54 การออมของครัวเรือนมีสัดส่วนเพียง 5.29 ต่อจีดีพี เท่านั้น
นอกจากนี้ จากข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนในปี 54 ยังระบุว่า มีครัวเรือนถึง 9.09 ล้านครอบครัว หรือคิดเป็น 45% ของครัวเรือนทั่วประเทศ ไม่มีความสามารถในการออม เพราะมีค่าใช้จ่ายและหนี้สินสูงกว่ารายได้ ซึ่งครอบครัวในกลุ่มนี้ยังถือเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเป็นหนี้ซ้ำซ้อน และก่อหนี้นอกระบบ เนื่องจากครัวเรือนในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่รับจ้างประกอบอาชีพอิสระ ไม่สามารถเข้าถึงมาตรการของรัฐที่จัดให้ได้ เช่น รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี และยังรับผลกระทบจากราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ส่วนการผิดนัดชำระหนี้ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นกัน โดยพบว่า มูลค่าสินเชื่อภายใต้การกำกับที่ผิดนัดชำระเกิน 3 เดือนขึ้นไป เพิ่มขึ้น 28.1% นอกจาก นี้ ยังมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) จากสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 20.5% มูลค่า 56,583 ล้านบาท หรือคิดเป็น 23.3% ของเอ็นพีแอลรวม แม้ว่าสัดส่วนเอ็นพีแอลต่อสินเชื่อในสาขานี้จะอยู่ในระดับต่ำที่ 1.9% แต่แนวโน้มสินเชื่อและเอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นมากตลอดปี 5555 จึงเป็นสิ่งต้องเฝ้าระวังและติดตามความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีรายได้น้อย
ทั้งนี้ผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ยังได้ส่งผลต่อต้นทุนของผู้ประกอบการโดยรวมเพิ่มขึ้น 6.4% โดยสถานประกอบการขนาดใหญ่ มีต้นทุนเพิ่มขึ้น 0.6% ส่วนที่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มีต้นทุนเพิ่มขึ้น 8.9% ขณะที่ผลกระทบต่อแรงงานต่อการเลิกจ้างนั้น จากข้อมูลนิติบุคคลจดทะเบียนเลิกกิจการในปี 55 มีถึง 16,936 ราย เพิ่มขึ้น 20.3% โดยในไตรมาสที่ 4 มีการยกเลิกกิจการถึง 7,221 ราย นับว่าเป็นจำนวนที่สูง
โดยหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นมาก ยังเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย คงอัตราดอกเบี้นนโยบายที่ระดับ 2.75% ในการประชุมเมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอมรับว่า การประชุมร่วมระหว่าง กนง.กับคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) ได้พิจารณาถึงการขยายตัวของสินเชื่อบางประเภทเติบโตค่อนข้างเร็ว ขณะที่ภาระหนี้ครัวเรือนเริ่มสูงขึ้น
ต้องยอมรับว่า การออมของประชาชน เป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ และยังเป็นสิ่งที่รองรับวิกฤติการเงินโลกที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้เป็นอย่างดี จึงเป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน ที่จะต้องช่วยกันกระตุ้นการออมให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง
ข่าวเด่น