ภายหลังบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือซีอาร์ซี เข้าซื้อกิจการ บริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านแฟมิลี่มาร์ท ไปเมื่อช่วงเดือน ต.ค. ปีที่ผ่านมา ด้วยเม็ดเงิน 3,000 ล้านบาท ส่งผลให้ให้ซีอาร์ซีกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในร้านแฟมิลี่มาร์ทในอัตราส่วน 50.29% และหากนำมารวมกับหุ้นที่โรบินสัน ซึ่งเป็นบริษัทในเครือถืออีกประมาณ 0.79% จะทำให้ซีอาร์ซีถือหุ้นในอัตราส่วน 51%
หลังจากศึกษาช่องทางและแผนธุรกิจมาเป็นอย่างดีตั้งแต่ปีที่ผ่านมา มาปีนี้ซีอาร์ซี พร้อมแล้วที่จะออกมากางแผนบุกร้านแฟมิลี่มาร์ท เพื่อตีตื้นคู่แข่งรายสำคัญอย่างร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งปีนี้มีแผนที่จะเปิดร้านใหม่ให้ทะลุกว่า 7,300 สาขา หรือเฉลี่ยสาขาใหม่ที่จะเกิดขึ้นปีนี้ไม่ต่ำกว่า 500 สาขา
เมื่อคู่แข่งเดินหน้าลุยสาขาใหม่ในจำนวนที่สูงมากพอควร ซีอาร์ซีเลยต้องเปิดเกมรุก ด้วยการประกาศกร้าวขอขยายสาขาใหม่ปีละไม่ต่ำกว่า 500 สาขาเช่นกันนับตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป เพื่อผลักดันให้ภายในปี 2560 จะมีร้านแฟมิลี่มาร์ทเปิดให้บริการครบ 3,000 สาขาในประเทศไทย
นายณัฐ วงศ์พาณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามแฟมิลี่มาร์ท จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านแฟมิลี่มาร์ท ในเครือบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจร้านแฟมิลี่มาร์ทในอีก 4 ปีนับจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะใช้งบอีกกว่า 10,000 ล้านบาท ในการเปิดร้านแฟมิลี่สาขาใหม่ เน้นทำเลตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก เพราะยังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาดอีกมาก
ขณะที่ทำเลหลักที่ซีอาร์ซี จะยึดเป็นสมรภูมิหลักในการเปิดร้านใหม่ นั่นก็คือ แหล่งท่องเที่ยวในภาคตะวันออก และภาคใต้ เพราะภายหลังจากที่นำร้านแฟมิลี่มาร์ทเข้าไปเปิดให้บริการตามแหล่งท่องเที่ยวของภูมิภาคดังกล่าว เช่น พัทยา ภูเก็ต และสมุย ปรากฎว่าได้ผลการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ
นอกจากนี้ ซีอาร์ซี ยังมีแผนที่จะปรับร้านท็อปส์เดลี่ที่มีขนาดต่ำกว่า 250 ตร.ม.เป็นร้านแฟมิลี่มาร์ท เพื่อลดความซ้ำซ้อนและเสริมความแข็งแกร่งให้กับร้านแฟมิลี่มาร์ท เพราะการปรับร้านท็อปส์เดลี่เป็นร้านแฟมิลี่มาร์ทจะทำให้การขยายตัวของร้านแฟมิลี่มาร์ทขยายตัวได้เร็วขึ้น เนื่องจากปัจจุบันร้านท็อปส์เดลี่มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการอยู่ที่ประมาณ 120 สาขา
แต่จะปรับสาขาไหนก่อน ซีอาร์ซี ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ในตอนนี้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาตลาดและความเป็นไปได้ว่าต้องปรับส่วนไหนบ้าง เพื่อให้ธุรกิจมีความลงตัว อย่างไรก็ตาม ซีอาร์ซี คาดว่าภายในปีนี้น่าจะได้ข้อสรุปในเรื่องขงการนำร้านแฟมิลี่มาร์ทเข้าเสียบแทนร้านท็อปส์เดลี่ขนาดเล็ก
ปัจจุบั ร้านแฟมิลี่มาร์ท มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการอยู่ที่ประมาณ 800 สาขา ซึ่งในปีนี้ ซีอาร์ซี มีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 200 สาขา รวมเป็น 1,000 สาขาในสิ้นปี โดยในส่วนของจำนวนร้านใหม่ที่จะเปิดเพิ่มขึ้นดังกล่าว ถือว่าเพิ่มสูงขึ้นจากก่อนที่ซีอาร์ซีจะเข้ามาซื้อกิจการถึง 1 เท่าตัว เนื่องจากที่ผ่านมาร้านแฟมิลี่มาร์ทจะมีการเปิดสาขาใหม่ปีละ 100-200 เท่านั้น
นอกจากจะมุ่งเปิดร้านใหม่ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดแล้ว ซีอาร์ซี ยังมีแผนที่จเปิดตัวร้านรูปแบบใหม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบร้านใหม่ จากปัจจุบันมีอยู่ 2 รูปแบบ คือ สแตนดาส และพรีเมี่ยม ซึ่งในส่วนของร้านพรีเมี่ยมปัจจุบันมีจำนวนร้านเปิดให้บริการ 1 สาขา คือ สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะที่ร้านสแตนดาสเปิดตามแหล่งชุมชนทั่วไปมีทั้งขนาด 1 คูหาและ 2 คูหา
พร้อมกันนี้ ซีอาร์ซี ยังมีแผนที่จะปรับรูปแบบร้านแฟมิลี่มาร์ทเป็นรูปแบบสโตร์คัสเตอร์ หรือ การนำสินค้าที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มเป้าหมายในแต่ละชุมชนมาจำหน่าย เพื่อให้สินค้าที่มีจำหน่ายในร้านแฟมิลี่มาร์ทตรงกับควาทต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ซีอาร์ซี ยังออกมาชูกลยุทธ์ “นิว แฟมิลี่มาร์ท” ด้วยการหันรุกหนักในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่ๆเข้าทำตลาด โดยฉเพาะ กลุ่มสินค้าพร้อมทาน หรือ Ready to Eat ซึ่งปัจจุบันมีเมนูอาหารรวมทั้งสิ้นกว่า 200 เมนู มาบริการลูกค้า เพื่อให้ร้านแฟมิลี่มาร์ท มีความโดดเด่นและมีคุณภาพ
ในส่วนของกลุ่มสินค้าอาหารพร้อมทาน เดือน มี.ค.นี้ ซีอาร์ซีมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่สไตล์ญี่ปุ่น จำนวน 5 เมนูเ ข้ามาจำหน่ายภายในร้านแฟมิลี่มาร์ท ประกอบด้วย ยากิโซบะ ข้าวปลาแซลมอนย่างซีอิ๊ว ข้าวปลาซาบะย่างซีอิ๊ว ข้าวแกงกระหรี่หมูญี่ปุ่น และข้าวผัดกระเทียมหมูซีอิ๊วญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ยังจะมุ่งเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าอาหารที่เป็น Exclusive Brand (Exclusive for FamilyMart only) ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่ร้านแฟมิลี่มาร์ทเท่านั้น ซึ่งสินค้า Kitty Collection ถือเป็นหนึ่งในสินค้า Exclusive Brand ที่ร้านแฟมิลี่มาร์ทได้รับลิขสิทธิ์ในการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย โดยจะให้ความสำคัญกับกลุ่มสินค้าในกลุ่ม Food ประกอบด้วยสินค้า Lolly Pop, Chewy, Jelly และ Kitty Thai Snack เป็นต้น
ปัจจุบัน ร้านแฟมิลี่มาร์ทมีสัดส่วนสินค้าที่เป็นกลุ่มอาหาร หรือ food ประมาณ 72% และอีก 28% เป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคหรือ Non food ซึ่งนอกจากจะมีการเพิ่มจำนวนสาขามากขึ้น ซีอาร์ซี ก็มีแผนที่จะใช้งบ 150 ล้านบาท ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์และทำกิจกรรมทางการตลาดร้านแฟมิลี่มาร์ทตลอดทั้งปีนี้
อย่างไรก็ตาม สิ้นปี ซีอาร์ซี คาดว่าจะมีรายได้จากร้านแฟมิลี่มาร์ทอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 23% หรือมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากมีจำนวนสาขาครบ 3,000 สาขา ซีอาร์ซีคาดการณ์ว่าในปี 2560 ร้านแฟมิลี่มาร์ทน่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท
ข่าวเด่น