หลังจากบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจสื่อวิทยุภายใต้บริษัท สกาย-ไฮ เน็ตเวิร์ค จำกัด มาร่วม 15 ปี ปัจจุบันอาร์เอสถือว่าประสบความสำเร็จกับธุรกิจสื่อวิทยุเป็นอย่างดี เนื่องจากคลื่นคูล ฟาเรนไฮท์ 93 สามารถนั่งแท่นเป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาดคลื่นวิทยุเพลงไทย ด้วยการมีจำนวนผู้ฟังรวมทุกช่องทางมากกว่า 3 ล้านคน
แต่จากสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภค ส่งผลให้ผู้ประกอบการคลื่นวิทยุต้องมีการปรับตัวตาม ซึ่งอาร์เอสก็เช่นกัน เพื่อรับมือการแข่งขันที่ยังคงรุนแรงปีนี้ อาร์เอส เลยออกมาประกาศกร้าวของรีแบรนด์ธุรกิจสื่อวิทยุจาก “สกาย-ไฮ เน็ตเวิร์ค” เป็น “คูลลิซึ่ม”
การเปลี่ยนชื่อบริษัทมาเป็น บริษัท คูลลิซึ่ม จำกัด ในครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในธุรกิจสื่อวิทยุของอาร์เอส เพราะถือเป็นการก้าวข้ามกรอบการดำเนินธุรกิจในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา เนื่องจาก อาร์เอส ไม่ต้องการขีดเส้นจำกัดของธุรกิจ ภายใต้ชื่อ "สกาย-ไฮ เน็ตเวิร์ค" แค่ธุรกิจที่ทำสื่อวิทยุเท่านั้น แต่ต้องการขยายแบรนด์ไปสู่ธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ
นอกจากนี้กลยุทธดังกล่าวยังเป็นการข้ามข้อจำกัดต่างๆ ของความเป็น "Traditional Media" ซึ่งจะมาพร้อมกับการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดใหม่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของอาร์เอสผสมผสานกับแผนธุรกิจในปัจจุบัน จนเกิดกลยุทธที่เรียกว่า "EMOSPERIENCE" ซึ่งมาจาก Emotion + Experience นั่นคือ การสร้างอารมณ์ หรือประสบการณ์และอารมณ์ร่วมของผู้บริโภคกับแบรนด์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในแบรนด์
นายคมสันต์ เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทจะใช้โมเดลการดำเนินธุรกิจที่มีแพลตฟอร์มหลากหลาย ตามพฤติกรรมของผู้ฟังที่เปลี่ยนแปลงไปนำมาเชื่อมต่อไปสู่การเปิดตัวสถานีเพลงสากลน้องใหม่ภายใต้ชื่อ "COOLcelsius 91.5" (คูล เซลเซียส) ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของสถานีเพลงในเมืองไทย ที่มีการนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากต่างประเทศมาออกอากาศ
ขณะเดียวกันก็จะมีการรายงานอันดับเพลง American Top 40 โดยพิธีกรชื่อดังอย่าง "ไรอัน ซีเครสท์" ซึ่งจะส่งตรงจากฮอลลีวู้ดสู่ประเทศไทยและออกอากาศพร้อม 150 สถานีทั่วโลก
นอกจากนี้ อาร์เอส ยังมีการปรับเปลี่ยนชื่อผู้จัดรายการใหม่จากเดิมเรียก “PJ” (Program jockeys ) มาเป็น “COOLJ” (COOL jockeys) ขณะที่ COOLlatitude (คูล ละติจูด) ยังคงเป็นธุรกิจที่สามารถต่อยอดความสำเร็จมาจากการจัดทริปท่องเที่ยวให้กับผู้ฟังของรายการ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าคอร์ปอเรทให้ดีไซน์ทริปท่องเที่ยวให้เป็นอย่างดี
นายคมสันต์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทยังได้มีการเพิ่มคลื่นวิทยุอีก 1 คลื่น ภายใต้ชื่อ คูลเซลเซียส 91.5 ซึ่งได้ทดลองออกอากาศมาตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เป็นคลื่นเพลงสากลที่มีโพซิชั่นเดียวกับคูลฟาเรนไฮท์ คือ เป็นคลื่นเพลงที่เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยทำงานอายุ 25 ปีขึ้น ออกอากาศทุกวันเสาร์เวลา 14.00-18.00น.
หลังจากออกอากาศ อาร์เอส มั่นใจว่าภายใน 2 ปีจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มเพลงฟังสากล จากปัจจุบันประเทศไทยมีกลุ่มเพลงสากลในตลาดอยู่ประมาณ 5 คลื่น ซึ่ง 1 ใน 5 เป็นคลื่นคูลเซลเซีย โดยในส่วนของปีแรก อาร์เอส คาดว่าคลื่นคูลเซลเซียส จะสามารถดำเนินธุรกิจคืนทุนและมีกำไร
สำหรับภาพรวมของการดำเนินธุรกิจสื่อวิทยุในปีนี้ อาร์เอส มีแผนที่จะใช้งบประมาณ 120 ล้านบาท ในการทำกิจกรรมการตลาดเน้นการสร้างประสบการณ์และอารมณ์ร่วมของผู้บริโภคกับแบรนด์แบบ 360 องศา เพื่อให้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ และทุกช่องทางการทำตลาดที่จะให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งช่องทางใหม่ที่ อาร์เอส ได้เพิ่มขึ้นมา เพื่อทำกิจกรรมทางการตลาดสื่อวิทยุในปีนี้นั่นก็คือ เว็บไซต์
เว็บไซต์คูลฟาเรนไฮท์ อาร์เอสได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาควบคู่ไปกับการเปิดตัวแอพลิเคชั่นบนไอโฟน แอนดรอยด์ และบีบี ซึ่งภายในเดือน มี.ค. นี้ อาร์เอสก็มีแผนที่จะเพิ่มช่องทางการทำตลาดในรูปแบบดังกล่าวเข้าไปในส่วนของคลื่นคูลเซลเซียสอีกด้วย เพื่อให้ผู้ฟังเข้าถึงสื่อวิทยุได้ง่ายขึ้น
ในปีแรกของการทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านช่องทางเว็บไซต์ อาร์เอสคาดว่า จะมีรายได้จากโฆษณาบนสื่อออนไลน์ที่ประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งหลังจากเปิดตัวเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นของคลื่นคูลฟาเรนไฮท์ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ขณะนี้มีฐานผู้ฟังผ่านช่องทางออนไลน์แล้วประมาณ 1.5 ล้านคนต่อเดือน และฟังผ่านแอพลิเคชั่นราว 8 แสนคน
หลังจากปรับแผนเชิงรุกแบบ 360 องศา อาร์เอสคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้จากธุรกิจสื่อวิทยุไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท โตจากปีที่ผ่านมา 50% โดยรายได้หลักยังคงมาจากคลื่นคูลฟาเรนไฮท์ 450 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจากปีก่อนที่มีรายได้ 380 ล้านบาท ขณะที่คลื่นคูลเซลเซียส คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 130 ล้านบาท และที่เหลืออีกประมาณ 20 ล้านบาท มาจาก คูลละติจูด กับการดีไซน์ทริปการท่องเที่ยวให้กับลูกค้า
สำหรับภาพรวมธุรกิจสื่อวิทยุในปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจะอยู่ในสถานะค่อนข้างอิ่มตัว หรือมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงปีก่อนที่ประมาณ 6% มีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 6,300 ล้านบาท เนื่องจากผู้บริโภคมีสื่อทางเลือกอื่นๆมากขึ้น
จากข้อมูลของนีลสันในช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมา พบว่า คลื่นวิทยุเอฟเอ็มในเขตกรุงเทพฯที่มีกลุ่มผู้ฟังมากเป็นอันดับ 1 คือ 93 คูลฟาเรนไฮท์ ครองส่วนแบ่งการตลาดที่ประมาณ 52.3% ตามด้วยคลื่น ซี๊ดส์ 97.5 ครองส่วนแบ่งการตลาด 13.8% 3. คลื่นเวอร์จิ้นฮิตส์ 95.5 ครองส่วนแบ่งการตลาด 11.9% 4 คลื่น.103.5 เอฟเอ็มวัน 11% คลื่น106.5 กรีนเวฟ 4.6% และคลื่น อี เอฟเอ็ม 2.8%
ข่าวเด่น