ในอนาคตบทบาทของสถาบันการเงินไทยจะเป็นอย่างไร และจะมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน ไปติดตามบางช่วงบางตอนของ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดร. ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ที่ได้ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “บทบาทสถาบันการเงินกับอนาคตประเทศไทย” ในงานพิธีเปิดโครงการส่งเสริมช่องทางลงทุนผ่านธนาคารพาณิชย์ 2013 Banker to Broker 2013
โดยผู้ว่า ธปท. ยอมรับว่า ระบบการเงินประเทศไทยในวันนี้ มีระดับพัฒนาการที่ดีระดับหนึ่ง แต่ก็ยังจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรองรับความท้าทายสำคัญ 2 ประการ ที่จะมีนัยสำคัญต่ออนาคตประเทศไทย ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของภาคเศรษฐกิจจริง และการแข่งขันในระบบสถาบันการเงินที่รุนแรงขึ้น
และขณะนี้ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (structural adjustments) ซึ่งเกิดจากความพยายามร่วมกันทั้งภาครัฐฯและเอกชนในการยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ซึ่งมีนัยสำคัญต่อความท้าทายของระบบการเงินใน 3 ด้าน คือ ความท้าทายในด้านขนาดของการระดมทุน วัฏจักรการลงทุนรอบใหม่ (new investment cycle) นี้ จะประกอบไปด้วยโครงการขนาดใหญ่ ทั้งที่ดำเนินการโดยภาครัฐฯและภาคเอกชน ขนาดของการระดมทุนนี้จะส่งผลให้ระบบธนาคารพาณิชย์ ต้องเตรียมสภาพคล่องและเงินทุนรองรับความเสี่ยงให้เพียงพอ
ความท้าทายด้านรูปแบบความเสี่ยงของการระดมทุน เมื่อพิจารณาโครงการลงทุนในอนาคต ความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสาคัญมี 2 ประเภท ได้แก่ ความเสี่ยงจากการลงทุนต่างประเทศ และความเสี่ยงจากการลงทุนในโครงการใหญ่ที่ซับซ้อนและมีสภาพคล่องต่ำ
ด้านการลงทุนต่างประเทศ ธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อให้สามารถให้บริการผู้ระดมทุนได้โดยสามารถบริหารจัดการความเสี่ยง ทั้งด้านอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงการติดตามและบริหารจัดการความเสี่ยงของคู่ค้าที่ดำเนินการในต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนการลงทุนในรูปแบบที่ซับซ้อนและมีสภาพคล่องต่ำ อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งธนาคารพาณิชย์สามารถทำได้ ทั้งให้กู้โดยตรงหรือทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในการระดมทุนของโครงการ ธนาคารพาณิชย์ก็จะต้องเตรียมระบบการติดตามและบริหารจัดการความเสี่ยงให้พร้อม
นอกจากนั้น ยังมีความท้าทายในด้านความจำเป็นในการเปลี่ยนรูปแบบการออมในประเทศ ปัจจุบันการออมภาคประชาชนส่วนใหญ่อยู่ในรูปเงินฝากหรือกองทุนที่มีลักษณะการลงทุนระยะสั้น ซึ่งไม่สอดคล้องเมื่อเทียบกับทั้งรูปแบบการระดมทุนภาคเอกชนในอนาคต ซึ่งเป็นการลงทุนระยะยาวมากขึ้นและความจำเป็นในการออมเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การส่งเสริมให้เกิดการออมระยะยาวมากขึ้น จึงเป็นการลดความเสี่ยง "maturity mismatch" ในระบบ
ขณะเดียวกัน การแข่งขันในระบบสถาบันการเงินที่รุนแรงขึ้น จากกระแสโลกาภิวัตน์ที่กระทบต่อประเทศไทยก็มีแนวโน้มจะเร่งตัวขึ้น ทั้งจากการส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศโดยภาครัฐฯ ความต้องการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจของภาคเอกชน และแนวโน้มที่ต่างประเทศจะมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยใช้ไทยเป็น logistic hub เชื่อมต่อกับ new economic corridors
ผู้ว่าการธปท.ย้ำด้วย ความท้าทายที่รออยู่นั้น มีนัยสำคัญอย่างยิ่งและถือเป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องปรับตัวให้เท่าทัน โดยแนวทางการปรับตัวต้องทำอย่างมียุทธศาสตร์ มีแผนที่ชัดเจน รอบคอบรัดกุม และทำอย่างเป็นระบบ โดยร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ ทุกภาคส่วนต้องยื่นมือเข้ามามีบทบาทร่วมกันในการพัฒนาระบบการเงินไทย โดยบทบาทสถาบันการเงิน การวางแผนธุรกิจที่เน้นการรุกอย่างมียุทธศาสตร์ ถือเป็นหัวใจที่จะนำไปสู่การปรับตัวรองรับสภาพแวดล้อมในอนาคต และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันเทียบกับสถาบันการเงินต่างประเทศ
ด้านบทบาทภาครัฐและองค์กรการกำกับดูแล การวางภูมิทัศน์ระบบสถาบันการเงิน (Financial Landscape) ซึ่งเอื้อให้มีระดับการแข่งขันที่เหมาะสม โดยไม่ส่งผลต่อเสถียรภาพในระบบเศรษฐกิจการเงินนั้น เป็นบทบาทสาคัญของภาครัฐฯ ซึ่งตามแผน "Financial Sector Master Plan II" ก็จะเปิดให้มีการแข่งขันจากต่างประเทศมากขึ้น ทั้งในรูปแบบการออกใบอนุญาตใหม่ และะการเจรจาต่อรองให้ใบอนุญาตภายใต้กรอบ "Qualified ASEAN Bank"
ข่าวเด่น