สรุปการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ที่มา: Bisnews และ DailyFX.com
สรุปการเคลื่อนไหวในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
เพียงแค่เริ่มต้นสัปดาห์ที่แล้วราคาทองคำก็ได้มีการปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว จากสถานการณ์ของยูโรโซนที่แม้ว่าทางประเทศไซปรัสจะได้รับเงินช่วยเหลือจากทางยูโรโซนและไอเอ็มเอฟด้วยวงเงิน 1 หมื่นล้านยูโร แต่ก็ต้องแลกมาด้วยมาตรการที่เข้มงวดอย่างการเก็บภาษีผู้ฝากเงินในประเทศ ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ของไซปรัส และอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในภูมิภาคด้วย ครั้นแล้วค่าเงินยูโรได้เกิดแรงเทขายอย่างหนัก สุดท้ายแล้วแม้ทางรัฐสภาของไซปรัสจะไม่อนุมัติเงื่อนไขการเก็บภาษีดังกล่าว แต่สถานการณ์ก็กลับไม่ดีขึ้น เนื่องจากนักลงทุนต่างหวั่นใจว่าประเทศไซปรัสอาจเป็นประเทศแรกในภูมิภาคที่เผชิญภาวะล้มละลายอย่างแท้จริงและต้องออกจากยูโรโซน ส่งผลให้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำสามารถปรับขึ้นสวนค่าเงินยูโรได้ในฐานะเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง ขณะที่ปัจจัยทางสหรัฐฯนั้นกลับเป็นแรงฉุดราคาทองคำ จากการที่ผลของการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังไม่มีประเด็นใหม่และแตกต่างจากที่ตลาดได้คาดการณ์มากนัก
ประเมินสถานการณ์และทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้
ราคาทองคำ : แนวรับ 1,585(21,900) 1,575(21,700) 1,555(21,500)
แนวต้าน 1,625(22,500) 1,640(22,700) 1,680(23,200)
แม้สัปดาห์ที่แล้ว ปัจจัยทางสหรัฐฯจะเป็นปัจจัยรองที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ แต่หากพิจารณาตั้งแต่ต้นปี ก็จะเห็นได้ว่าอิทธิพลของทางสหรัฐฯมีผลต่อราคาทองคำค่อนข้างมาก โดยเฉพาะตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ ซึ่งในสัปดาห์นี้จะมีการประมาณการณ์ครั้งสุดท้ายของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (Final GDP) ในไตรมาส 4 ปี 2555 ซึ่งการประมาณการณ์ครั้งแรกนั้นได้บ่งบอกถึงการหดตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯจากการที่เกิดภัยธรรมชาติ โดยอยู่ที่ -0.1% ขณะที่การประมาณการณ์ครั้งที่ 2 นั้นกลับเพิ่มสูงขึ้น ด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 0.1% ดังนั้นนักลงทุนอาจต้องติดตามว่าการประมาณการณ์ครั้งนี้จะออกมาเช่นไร หากมีภาพของการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก็อาจทำให้ราคาทองคำได้รับแรงกดดันในการปรับลงได้ แต่ถ้าออกมาในทางตรงกันข้าม ก็อาจเห็นการทะยานขึ้นของราคาทองคำอีกครั้งได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ยังมีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานประจำสัปดาห์ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรากฎว่าได้มีการปรับเพิ่มขึ้นจำนวน 2,000 ราย และเป็นแรงสำคัญในการปรับขึ้นราคาทองคำได้ ซึ่งหากในสัปดาห์นี้ยังคงออกมาในทิศทางเดียวกันกับสัปดาห์ที่แล้ว ก็จะเป็นแรงบวกต่อราคาทองคำที่สำคัญอีกปัจจัยหนึ่งด้วย
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในยูโรโซน ก็มีอิทธิพลต่อราคาทองคำไม่น้อยเช่นกัน ทั้งกรณีของประเทศอิตาลีที่แม้จะผ่านพ้นการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังขาดผู้นำประเทศอยู่ จากการที่ไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถครองเสียงได้มากพอในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่สถานการณ์เงินช่วยเหลือของไซปรัสนั้น แม้จะเริ่มผ่อนคลายลง แต่หากยังไม่มีผลสรุปที่เป็นรูปธรรม ก็อาจทำให้ความหวั่นวิตกในยูโรโซนกลับมาใหม่ได้ ซึ่งโดยปกติแล้วนั้น การอ่อนค่าของเงินยูโร ได้ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลงในทิศทางเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ที่รุนแรงของยูโรโซน ก็กลับเป็นแรงหนุนสำหรับราคาทองคำได้ จากการเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงนั่นเอง เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
กลยุทธ์การลงทุน ราคาทองคำระยะสั้นยังคงมีโมเมนตัมเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวขยับสูงขึ้นเป็น 1,585-1,625 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ประมาณ 21,900- 22,500 บาทต่อบาททองคำ) ซึ่งการเก็งกำไรระยะสั้นนั้น ยังคงเน้นเก็งกำไรในกรอบดังกล่าวไปก่อน จนกว่าจะมีการทะลุกรอบราคาดังกล่าวด้านใดด้านหนึ่ง จึงเน้นการซื้อ-ขายตามแนวโน้มมากขึ้น ส่วนนักลงทุนระยะกลาง-ยาว อาจเริ่มซื้อสะสมเมื่อราคาลงมาใกล้กรอบด้านล่างของราคา ส่วนกรอบแนวรับ-แนวต้าน ได้แก่แนวรับที่ 1,585 - 1,555 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ประมาณ 21,900- 21,500 บาทต่อบาททองคำ) และแนวต้านที่ 1,625 - 1,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ประมาณ 22,500- 23,200 บาทต่อบาททองคำ)
การประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์หน้า
* ที่มา Bisnews และ foexfactory.com ข้อมูลวันที่ 23 มีนาคม 2556 ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลังได้
ข่าวเด่น