หุ้นทอง
แนวโน้มราคาทอง 1-5 เม.ย.จาก YLG


 สรุปการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ที่มา: Bisnews และ DailyFX.com

 

สรุปการเคลื่อนไหวในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำได้รับแรงกดดันลงมาต่ำกว่าบริเวณ 1,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง โดยประเด็นสำคัญนั้นมาจากการที่สถานการณ์ในประเทศไซปรัสได้เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น จากการที่ทางรัฐมนตรีคลังยูโรโซนและไอเอ็มเอฟได้มีการอนุมัติในการให้เงินช่วยเหลือวงเงิน 1 หมื่นล้านยูโรแก่ประเทศไซปรัส หลังจากที่ทางรัฐสภาได้มีการผ่านร่างในการควบคุมธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมีผลให้ผู้ที่มีเงินฝากต่ำกว่า 1 แสนยูโรได้รับการคุ้มครอง และธนาคารพาณิชย์ของไซปรัสก็สามารถเปิดดำเนินการได้อย่างปกติ ส่งผลให้มีการโยกย้ายเงินทุนจากการลงทุนในทองคำไปยังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอีกครั้ง นอกจากนี้ด้วยตัวเลขการประมาณการณ์ครั้งสุดท้ายของ GDP ไตรมาส 4/2555 ได้ออกมาค่อนข้างดี โดยได้มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นจากการประมาณการณ์ครั้งก่อนมาอยู่ที่ระดับ 0.4% ทำให้ราคาทองคำได้รับแรงกดดันในการปรับลงอีกทางหนึ่งด้วย ครั้นแล้วราคาทองคำได้มีการปรับลดลงประมาณ 12 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

ระเมินสถานการณ์และทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์นี้

ราคาทองคำ : แนวรับ   1,575(21,800)   1,555(21,500)  1,535(21,200)    

                          แนวต้าน   1,620(22,500)    1,635(22,700)   1,660(23,000)  

 

การเริ่มต้นในสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน ได้เต็มไปด้วยปัจจัยสำคัญที่จะต้องติดตามทั้งจากทางสหรัฐฯ ยูโรโซน และญี่ปุ่น โดยทางสหรัฐฯนั้น มีตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจ อาทิ ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของ ISM ทั้งภาคการผลิตและบริการ และตัวเลขตลาดแรงงานที่จะประกาศออกมาตลอดทั้งสัปดาห์ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานของ ADP ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานประจำสัปดาห์ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Non-Farm Payrolls) และอัตราการว่างงานประจำเดือนมีนาคม ซึ่งจากตัวเลขตลาดแรงงานในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของตลาดแรงงานอย่างชัดเจน จนได้กลายเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทางคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (Fed) ยังคงดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ครั้นแล้วหากตัวเลขของตลาดแรงงานในสัปดาห์นี้ออกมาค่อนข้างดีเช่นเดียวกับครั้งที่แล้วนั้น ก็อาจเป็นแรงกดดันต่อราคาทองคำได้

ขณะที่สถานการณ์ทางไซปรัสได้คลี่คลายออกมาในทางที่ดี แต่สำหรับประเทศอิตาลีนั้นยังคงต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง เพราะถึงแม้ว่าการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีของอิตาลีจะเสร็จสิ้นลงตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์แล้ว แต่กลับยังไม่สามารถได้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลมาบริหารประเทศได้ ส่งผลให้กลายเป็นแรงกดดันในค่าเงินยูโรได้ ขณะที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการแถลงการณ์ของประธาน ECB ก็จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งนักลงทุนอาจต้องติดตามว่าจะมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูโรโซนออกมาหรือไม่

นอจากนี้ทางฝั่งเอเชีย ก็จะมีการประชุมนโยบายการเงินของทางประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นการประชุมที่มีขึ้นครั้งแรกสำหรับนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) คนใหม่ด้วย ซึ่งได้มีการคาดการณ์ว่าทางญี่ปุ่นอาจจะมีมาตรการกระตุ้นทางการเงินครั้งใหญ่เพื่อแก้ปัญหาเงินฝืด และให้อัตราเงินเฟ้อมาอยู่ที่ระดับ 2% ภายใน 2 ปี ครั้นแล้วหากเป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ ก็อาจเป็นแรงบวกสำหรับสินทรัพย์ทางการเงินได้ รวมทั้งทองคำด้วย

กลยุทธ์การลงทุน ราคาทองคำมีการขายทำกำไรระยะสั้นตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านสำคัญอย่าง 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้ ดังนั้นจึงทำให้ลักษณะของราคายังคงวิ่งอยู่ในกรอบเช่นเดิม กลยุทธ์การลงทุนก็ยังคงเน้นการเข้าซื้อ-ขายทำกำไรระหว่างกรอบราคา 1,575-1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปก่อน จนกว่าราคาทองคำจะผ่านด้านใดด้านหนึ่งอีกครั้ง จึงจะใช้กลยุทธ์ซื้อ-ขายตามแนวโน้มใหม่ ส่วนแนวรับประจำสัปดาห์ คือ 1,575 - 1,535 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ประมาณ 21,800-21,200 บาทต่อบาททองคำ) และแนวต้านที่ 1,620 - 1,660 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ประมาณ 22,500-23,000 บาทต่อบาททองคำ)

 

การประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์หน้า

 

* ที่มา Bisnews และ foexfactory.com ข้อมูลวันที่ 30 มีนาคม 2556 ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลังได้ 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 02 เม.ย. 2556 เวลา : 14:05:10
22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 11:23 am