ในที่สุดผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ก็เป็นไปตามที่วงการตลาดเงินตลาดทุนได้มีการคาดการณ์ไว้ โดยคณะกรรมการได้มีมติ 5 ต่อ 1 ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.75%
ซึ่ง นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะ เลขานุการ คณะกรรมการ กนง. แถลงผลการประชุม กนง.วันที่ 3 เมษายน 2556 ว่า คณะกรรมการฯ ส่วนใหญ่ เห็นว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ในขณะนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบเป้าหมาย แต่แรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มขึ้นได้ จากข้อจำกัดด้านอุปทานและต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น ซึ่งยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังจำเป็นต้องติดตามปัจจัยด้านเสถียรภาพการเงินที่มีแนวโน้มที่อาจจะเกิดภาวะฟองสบู่ได้ในอนาคต หากไม่ระมัดระวังมากเพียงพออย่างใกล้ชิด
โดยมองว่า ภาวะการผ่อนคลายทางการเงินที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันเป็นภาวะที่เหมาะสม และเอื้อต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม พร้อมที่จะปรับนโยบายการเงินตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในด้านเสถียรภาพการเงิน ที่ธปท.ติดตามอยู่ในขณะนี้ คือ ภาวะการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือน ซึ่งในขณะนี้ยอดการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเพื่อการอุปโภคและบริโภคยังขยายตัวอยู่ในระดับสูง และไม่มีทิศทางที่ชะลอตัวลง
ขณะที่ ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังมีการซื้อขายที่ค่อนข้างสูง และราคาสินทรัพยที่เพิ่มขึ้นร้อนแรงในบางพื้นที่ รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของระดับราคาที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดหุ้นไทย ซึ่งในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำเช่นในปัจจุบัน เอื้อในประชาชนนำเงินฝากออกมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้มีความเสี่ยงที่ราคาสินทรัพย์ในบางภาคอาจจะเพิ่มขึ้นเกินกว่าความเป็นจริงได้ ทำให้ธปท.ยังคงระมัดระวังการเกิดฟองสบู่ในอนาคต
ส่วนภาวะเศรษฐกิจ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งแนวโน้มในระยะต่อไป โดยมองว่า เศรษฐกิจโลกยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นบ้าง เช่น วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไซปรัส ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจยูโร หดตัวมากกว่าที่คาดไว้เดิม ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน แต่ปัญหาทางการคลังยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ถ่วงการขยายตัวในระยะต่อไป ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินและการคลัง
ด้าน ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (EIC) ได้ออกบทวิเคราะห์กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มีมติ 5 ต่อ 1 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% โดยระบุว่า จนถึงสิ้นปี 2556 คาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% จากเศรษฐกิจในประเทศยังคงมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีในปีนี้ ประกอบกับสินเชื่อทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจยังขยายตัวสูง ทำให้โอกาสที่ กนง.จะลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมีน้อย
ขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกที่ค่อนข้างสูง ยังส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานล่าสุดอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ รวมถึง ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้เดิมจากปัจจัยด้านเงินทุนไหลเข้า ทำให้อัตราดอกเบี้ยยังไม่น่าจะมีการปรับขึ้นในปีนี้
ผลการตัดสินใจของกนง.ในครั้งนี้ โดยให้น้ำหนักกับภาวะหนี้สินภาคครัวเรือนและการเติบโตของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ที่ส่งสัญญาณอาจเกิดภาวะฟองสบู่ สะท้อนให้เห็นว่า กนง. ให้ความเป็นห่วงการก่อหนี้ภาคประชาชน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจมากกว่าการควบคุมการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศ
ข่าวเด่น