กรุงศรีกรุ๊ป (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ) รายงานผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งสำหรับไตรมาส 1/2556 ด้วยกำไรสุทธิ 4.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% จากไตรมาส 4/2555 หรือเพิ่มขึ้น 18.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
เงินให้สินเชื่อรวมเติบโต 0.9% หรือ 7.23 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 โดยการเพิ่มขึ้นของเงินให้สินเชื่อเพื่อรายย่อย (สินเชื่อรถยนต์และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย) เป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนการเติบโตของสินเชื่อในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยสินเชื่อเพื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น 3.8% จากไตรมาส 4/2555 และ 20.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ในขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจหดตัวเล็กน้อยจากการชำระคืนเงินทุนหมุนเวียน
เงินรับฝากเพิ่มขึ้นถึง 2.2% คิดเป็นมูลค่า 15.29 พันล้านบาท จากเดือนธันวาคม 2555 สัดส่วนของเงินรับฝากประเภทออมทรัพย์และจ่ายเงินคืนเมื่อทวงถามต่อสัดส่วนเงินรับฝากทั้งหมด (CASA) เพิ่มขึ้นมาอยู่
ที่ระดับ 55.9% ในเดือนมีนาคม 2556 เทียบกับ 53.8% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555
กรุงศรีกรุ๊ปสามารถรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิไว้ในระดับสูงที่ 4.28%
นางเจนิส แวน เอ็กเคอเรน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรุงศรีกรุ๊ป กล่าวว่า “ไตรมาสแรกของปีนี้นับเป็นการเริ่มต้นปีที่ดีของกรุงศรี กรุงศรีประสบความสำเร็จในการเดินหน้าทำเรื่องเงินให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับลูกค้า โดยมีรางวัลต่างๆ ที่ได้รับจากสถาบันและวารสารชั้นนำในต่างประเทศ อาทิ รางวัลสำหรับสินเชื่อรถยนต์และธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ รางวัลพัฒนานวัตกรรมในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ และนวัตกรรมในการรับชำระเงิน นอกจากนี้เรายังได้รับรางวัล “สุดยอดองค์กรที่น่าทำงานแห่งปี 2556” จากบริษัท Gallup ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก โดยเป็นหนึ่งใน 32 องค์กรชั้นนำทั่วโลกที่ได้รับรางวัลดังกล่าวในปีนี้และเป็นหนึ่งเดียวจากประเทศไทย นับเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จจากความพยายามและการให้ความสำคัญกับบุคลากรอย่างต่อเนื่อง”
“ทั้งนี้สำหรับผลประกอบการในไตรมาสแรกของปีนี้ การขยายตัวของเงินให้สินเชื่อนับว่าอยู่ในระดับ ที่น่าพอใจ เนื่องจากไตรมาสแรกของปีมักเป็นช่วงที่ความต้องการสินเชื่อจะลดลงเป็นผลจากปัจจัยด้านฤดูกาล โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อรายย่อย นอกจากนี้การขยายตัวของสินเชื่อที่ 0.9% ในไตรมาสแรกนี้ยังเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากการที่สินเชื่อขยายตัวสูงถึง 5.9% ในไตรมาส 4/2555”
นางเจนิส กล่าวเสริมว่า “แม้ว่าในส่วนสินเชื่อจะได้รับผลกระทบเล็กน้อยในช่วงต่ำสุดของปีปกติ แต่กำไรสุทธิได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 4.1 พันล้านบาท คิดเป็น 8.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2555 โดยได้รับการสนับสนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น ความสามารถของกรุงศรีในการบริหารค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ดีขึ้น การเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการ โดยเฉพาะจากธุรกรรมตัวแทนจำหน่ายประกัน และการบริหารกองทุนรวม (wealth and fund management)”
“เราคาดว่าแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อโดยรวมในปีนี้จะมีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าความต้องการสินเชื่อในทุกกลุ่มธุรกิจจะสามารถปรับเพิ่มขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากเศรษฐกิจของประเทศที่แข็งแกร่ง ควบคู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้กรุงศรียังคงเป้าการขยายตัวของสินเชื่อไว้ที่ระดับสูงกว่า 12% สำหรับปี 2556” นางเจนิสกล่าว
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2556 ธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของประเทศไทยมีสินเชื่อรวม 837 พันล้านบาทและสินทรัพย์รวม 1.1 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 124 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 16.56% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 คิดเป็น 11.62%
สรุปสาระสำคัญของผลประกอบการ (ตามงบการเงินรวม) สำหรับไตรมาส 1/2556
· กำไรสุทธิ: อยู่ในระดับสูงที่ 4.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% จากไตรมาส 4/2555 หรือ 18.3% จากไตรมาส 1/2555
· ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับ 4.28%
· อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 50.6% เมื่อเทียบกับร้อยละ 52.3 ในไตรมาส 4/2555
· สัดส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ: เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 148% จากระดับ 146%ในเดือนธันวาคม 2555
· รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ: เพิ่มขึ้น 6.1% จากไตรมาส 4/2555 หรือ 24.5% จากไตรมาส 1/2555
· เงินรับฝาก: เพิ่มขึ้น 2.2% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 15.29 พันล้านบาท จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555
· อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: ปรับมาอยู่ที่ 16.6% จาก 16.9% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2555 ปัจจัยหลักมาจากการปรับวิธีการคำนวณเงินกองทุนภายใต้หลักเกณฑ์ Basel III
ข่าวเด่น