สุขภาพ
"ข้าว" เครื่องประทินโฉมสาวเอเชีย






 

 
 
 
 
เมื่อพูดถึง “ผู้หญิง” ทุกชาติ ทุกยุค ทุกสมัย คงหนีไม่พ้นเรื่องความสวยความงาม และเครื่องประทินผิว โดยเฉพาะ “แป้ง” หรือ “แป้งจากข้าว” นั้น เป็นแป้งพื้นฐานที่อยู่คู่กับสาวเอเชียมานาน
 
ทั้งนี้ “ข้าว” เป็นธัญพืชอาหารหลักของชาวโลก และเป็นพืชที่มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่งสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์คู่กับโลกมานับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกมากในทวีปเอเชีย
 
 
 
 
โดยทุกวันนี้ชาวเอเชียบริโภคข้าวกันประมาณ 3,000 ล้านคน ซึ่งนอกจากจะใช้บริโภคเป็นอาหารหลักประจำวันแล้ว ข้าวยังใช้ทำเป็นอาหารหวานจานโปรดได้หลายอย่าง เช่น ขนมไทย อย่าง ลอดช่อง ปลากริมไข่เต่า ขนมตาล ขนมกล้วย ทองหยิบ ฝอยทอง ทองหยอด ขนมหม้อแกง ทำเป็นแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า และทำเส้นก๋วยเตี๋ยวอีกด้วย  
 
โรงงานอุตสาหกรรมที่ผลิตแอลกอฮอล์ใช้ข้าวเหนียวไปหุงแล้วผสมกับน้ำตาลและเชื้อยีสต์เพื่อทำให้เกิดการหมัก โดยมีจุดประสงค์ให้ยีสต์เปลี่ยนแป้งเป็นแอลกอฮอล์สำหรับใช้ผลิตวิสกี้และอื่น ๆ และมีการนำส่วนต่าง ๆ ของข้าวไปใช้ประโยชน์อีกมากมาย
 
 
 
สำหรับคุณค่าอีกอย่างของข้าว ได้แก่ คุณสมบัติด้านความสวยความงามที่ผู้คนรู้จักใช้กันมานับแต่อดีตกาล โดย ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เปิดเผยในเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยประโยชน์จากข้าวเพิ่มขึ้นและได้พบสิ่งที่น่าทึ่งว่า ทุกองค์ประกอบต่างๆ ของข้าว ล้วนมีประโยชน์ต่อผิวพรรณทั้งสิ้น โดยเฉพาะรำข้าว ซึ่งมีแร่ธาตุ กรดไขมัน และวิตามินต่างๆ โดยเฉพาะวิตามินอี และแกมมาโอไรซานอล (-oryzanol) ในปริมาณสูง ซึ่งแกมมาโอไรซานอลนั้นเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบของผิวหนัง ทำให้ผิวขาวขึ้น
 
เอนไซม์ที่ได้จากข้าวและรำข้าว สามารถยับยั้งการสร้างเมลานิน และการเกิดเม็ดสีจากรังสี UV ช่วยลดริ้วรอย สามารถยับยั้งการเกิด lipid peroxidation และทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจน (โปรตีนที่ทำให้ผิวหน้ายืดหยุ่นหรือหน้าเด้ง) และยังพบอีกว่า สารสกัดจากรำข้าว (rice bran) ทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น น้ำมันจากจมูกข้าว (rice germ) ช่วยเคลือบผิวไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น ช่วยปกป้องผิวจากการระคายเคือง ส่วนแป้งข้าวเจ้านั้น มีคุณสมบัติลดอาการระคายเคืองและช่วยดูดซับ เหมาะที่จะใช้ทำแป้งฝุ่น ด้วยเหตุนี้ ผลิตภัณฑ์จากข้าวจึงเหมาะที่จะนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงผิวพรรณและปกป้องผิว
 
 
 
 
ทั้งนี้ ผู้หญิงรู้จักใช้ประโยชน์จากข้าวเพื่อความงามกันมานาน โดยสาวไทยสมัยก่อนมีการ “ใช้น้ำซาวข้าวล้างหน้า” เพราะเชื่อว่า จะทำให้ผิวหนังเปล่งปลั่งเป็นนวลใยไร้สิวฝ้า แป้งข้าวเจ้าใช้กล่อมผิว ให้ผิวสวย ไร้ผดผื่นคัน มีการพัฒนาสูตรยาแก้ฝ้าที่สามารถทำได้โดยนำต้นไมยราบทั้งห้า 1 กำมือ ข้าวสาร 1 กำมือ ขมิ้นชันขนาดเท่านิ้วโป้ง ตำรวมกันพอแหลก แล้วนำมาพอกหน้าหรือทาก่อนนอน (ก่อนพอกต้องล้างหน้าให้สะอาด) ตื่นเช้าล้างออก ถ้ามีสีเหลืองของขมิ้นติดผิวอยู่ให้ล้างสีออกด้วยน้ำมะขามเปียก ทำติดต่อกันจะทำให้ฝ้าจางลง
 
ในแวดวงชนชั้นสูงของสาวจีนและไทย มีวัฒนธรรมใน “การกล่อมผิวด้วยแป้งข้าวเจ้า” ซึ่งการบดข้าวในสมัยนั้น มักจะเป็นข้าวซ้อมมือ มีการใช้ข้าวที่บดละเอียดแล้วราวครึ่งกิโลกรัมเทใส่อ่าง ซึ่งเป็นอ่างน้ำในโรงแรมเช่นเดียวกับในปัจจุบัน หรือถังไม้ของคนจีนที่ใช้แช่อาบน้ำ หลังจากนั้น เติมน้ำลงไป จะได้น้ำสีขุ่นๆ คล้ายๆ น้ำซาวข้าว คนที่จะแช่ต้องทำความสะอาดตัวก่อนแล้วค่อยลงแช่ และไม่ต้องอาบน้ำอีก ให้แป้งเคลือบผิวไว้เลย
 
 
 
 
นอกจากนี้ ข้าวยังช่วยรักษาสิวเสี้ยน บำรุงผิว ทำให้ผิวหน้าสดใส ซึ่งทำได้โดยการใช้น้ำซาวข้าวครั้งที่ 2 ล้างหน้า จะช่วยรักษาสิวเสี้ยน และทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์สดใสขึ้น เมื่อใช้ติดต่อกันเป็นประจำ
 
สำหรับในชุมชนมุสลิม 3 จังหวัดภาคใต้ มีการทำแป้งข้าวมาตั้งแต่โบราณเช่นกัน ซึ่งวิธีการทำนั้นคนในอดีตจะนำข้าวสารมาแช่ประมาณ 3 - 4 เดือน หรือ 40 วันเป็นอย่างน้อย โดยในระหว่างที่แช่ต้องเทน้ำทิ้งบ่อยๆ เพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นเปรี้ยว และเมื่อเมล็ดข้าวแตกละเอียดดีแล้วกรองด้วยผ้าขาว ใช้น้ำสะอาดล้าง แล้วบิดหรือขยี้ให้แป้งละเอียดก่อนนำไปตากแห้ง จะได้แผ่นแป้งแข็งสีขาว แล้วนำมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ หรืออาจใช้ใบตองมาทำเป็นกรวยขนาดต่างๆ แล้วนำแป้งมาหยอด นำไปตากให้แห้ง ก็จะได้แป้งเป็นก้อนขนาดเล็กชาวบ้านจะเรียกแป้งนี้ว่า “แป้งเย็น” ภาษามลายูท้องถิ่น เรียกว่า “บือเดาะซือโย๊ะ” ใช้ทาประทินผิวและแก้ผดผื่นคัน ผู้เฒ่าคนแก่ชาวอิสลามบางคนมักจะพกแป้งเย็นไปเมกะห์ด้วย  
 
นอกจากใช้ประโยชน์บำรุงใบหน้าแล้ว คนไทยโบราณยังใช้ “น้ำซาวข้าวสระผม” ด้วย เพราะช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มลื่น ไม่เป็นรังแค และมีกลิ่นหอม ซึ่งสามารถใช้แทนแชมพูได้เลย หรืออาจใช้ผสมกับสมุนไพรอื่นๆ ก็ได้
 
 
 
สำหรับน้ำซาวข้าวที่เก็บไว้หลายวัน หรือที่เรียกว่า “น้ำมวกส้ม” หากนำมาต้มแล้วสระผม จะทำให้ผมสวย เป็นเงางามมากยิ่งขึ้น ในปัจจุบันได้มีการจดสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมที่มีส่วนผสมของรำข้าว รักษาความชุ่มชื้น รักษาทรงผมให้ผมเป็นลอนเงางาม และพบว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการหมักของข้าวยังช่วยให้เส้นผมงอกเพิ่มขึ้นด้วย
 
สำหรับวิธีการใช้น้ำซาวข้าวในการดูแลเส้นผม ร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ สามารถทำไว้ใช้เองได้ง่ายๆ ดังนี้คือ
 
                - ยาสระผมน้ำซาวข้าวกับใบหมี่ (ตำรับของ คุณอำนวยศิลป์ เงินคำ) ให้นำน้ำซาวข้าว ใบหมี่ มะขามเปียก คั้นเอาแต่น้ำใช้สระผมเป็นประจำ
 
                - ยาสระผมมะกรูดและน้ำข้าวกล้องปั่น (ตำรับของ สุวรรณี พฤฒินิรันดร์ กทม.) ใช้ข้าวกล้อง 1 - 2 กำมือ ล้างให้สะอาดและแช่น้ำทิ้งไว้ จากนั้น นำมะกรูดมา 1 ลูก ต้มให้สุก เมื่อสุกดีแล้ว ให้แกะเม็ดออก  แล้วนำไปปั่นรวมกับข้าวกล้อง และน้ำสะอาดเพิ่มอีกเท่าตัว (ถ้าไม่มีเครื่องปั่นสามารถใส่ครกตำแทนได้) ปั่นให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ แล้วนำมาหมักผมหรือใช้สระผมก็ได้
 
              - ตำรับของสาวภูไท ให้นำน้ำมวก (น้ำที่แช่ข้าวเหนียวค้างคืน) ใบหม่อน มะกรูดทั้งเปลือก มาสระผม แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำธรรมดา ทำเป็นประจำผมจะเงางามขึ้น หรือนำน้ำมวก มะนาว ใบหนาด รากว่านสาวหลง (ทุบ) ต้มทิ้งไว้ให้เย็น ใช้สระผม แล้วล้างออกด้วยน้ำธรรมดา เป็นต้น
 
 
 
 
จะเห็นได้ว่า “ข้าว” มีคุณประโยชน์มากมายทั้งจากการใช้รับประทานเพื่อเป็นอาหาร และใช้ในการบำรุงและรักษาผิวพรรณ หรือเส้นผม ซึ่งเวลานี้สามารถเลือกหาผลิตภัณฑ์จากข้าวที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานมาใช้ได้แล้ว หรือจะทำไว้ใช้เองก็ทำได้ไม่ยาก 
 

LastUpdate 20/04/2556 14:17:24 โดย : Admin
22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 6:37 pm