การตลาด
สกู๊ป "ช้าง" โหมบุกตลาดเบียร์ ชิงแชร์ตีตื้น "สิงห์"




 


 
แม้ว่าจะตามหลังผู้นำตลาดอย่างค่ายสิงห์หลายช่วงตัว  แต่เจ้าพ่อน้ำเมาอย่างค่ายช้างของ "เสี่ยเจริญ  สิริวัฒนภักดี"  ก็ยังคงทุ่มงบพร้อมปรับแผนการทำตลาดไล่ตามค่ายสิงห์อย่างใจสู้  เพื่อทวงบัลลังก์เจ้าตลาดเบียร์โดยรวม  หลังเสียตำแหน่งให้กับค่ายสิงห์มาหลายปี

สำหรับกลยุทธทางการตลาดที่ค่ายช้างหยิบมาใช้ยังคงมีทั้งการทำกิจกรรมการตลาดผ่านกลยุทธสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งและมิวสิคมาร์เก็ตติ้ง แต่ที่เห็นจะแปลกใหม่ขึ้นมาสำหรับปีนี้นั่นก็คือ "กลยุทธไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง"  เนื่องจากแผนการทำตลาดของค่ายช้างนับจากนี้จะเน้นไปที่การสร้างฐานลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อเป็นฐานลูกค้าหลักในอนาคต

ดังนั้น กลยุทธทางการตลาดที่จะนำมาใช้ในปีนี้ก็จะเน้นหนักไปที่การจัดกิจกรรมเอาใจคนรุ่นใหม่ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบของสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งหรือมิวสิคมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งในปีนี้ได้เตรียมงบการตลาดไว้ที่ประมาณ 1,200  ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เพื่อจัดกิจกรรมดังกล่าว

 
 
 
นายสรกฤต ลัทธิธรรม ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด  ผู้ดำเนินธุรกิจเบียร์ช้าง  อาชา  และเฟรเดอร์บรอย กล่าวว่า  งบการตลาดที่เตรียมไว้จำนวน 1,200 ล้านบาท สัดส่วนประมาณ 60%  จะใช้ไปกับกลยุทธสปอร์ทมาร์เก็ตติ้ง อีกที่เหลือประมาณ  40% จะใช้ไปกับกลยุทธมิวสิคมาร์เก็ตติ้ง เนื่องจาก ปีนี้จะมีการนำทีมฟุตบอลชื่อดังอย่าง "บาเซโลนา" มาแข่งขันกับทีมชาติไทยในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ?เวลา 18.00 น.  ซึ่งถือเป็นการกลับมาเยือนไทยอีกครั้งในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

การออกมาจัดกิจกรรมดังกล่าวของค่ายช้างถือเป็นการเดินหน้าต่อยอดการทำกิจกรรมภายใต้แนวคิด Live Like You Mean It!  “ชีวิตของเรา...ใช้ซะ” ผ่านกลยุทธ์สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งตลอดระยะเวลา 1-2 ปีที่ผ่านม ากลยุทธดังกล่าวถือได้ว่าสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดกับเครื่องดื่มตราช้างอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่

 
 
 
นายมารุต  บูรณะเศรษฐกุล  ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด  ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มตราช้าง กล่าวว่า  การที่บริษัทหันมาเป็นผู้สนับสนุนทีมฟุตบอลระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นทีมบาร์เซโลนา หรือ  เรอัล มาดริด ในปีที่ผ่านมา ถือเป็นการยกระดับแบรนด์ไทยสู่ความเป็นแบรนด์ระดับโลก ซึ่งนอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐานระดับโลก

สำหรับการนำสโมสร เอฟซี บาร์เซโลนา  เข้ามาให้แฟนฟุตบอลชาวไทยได้ชมฝีไม้ลายมือกันในครั้งนี้  ค่ายช้างได้ใช้งบลงทุนสูงถึง  400  ล้านบาท  ในการโปรโมทและทำกิจกรรมโชว์ฝีเท้า  เนื่องจากสโมสรดังกล่าว ถือเป็นสุดยอดสโมสรฟุตบอลของโลก  เพราะปัจจุบันมีแฟนบอลทั่วโลกมากกว่า 400 ล้านคน 

 
 
 
นายมารุตกล่าวว่า ถือเป็นครั้งแรกที่แฟนบอลชาวไทยจะได้มีโอกาสสัมผัส ชมและเชียร์ฟุตบอลอย่างใกล้ชิด ซึ่งแน่นอนว่านักเตะเบอร์หนึ่งของโลก อย่าง “ลีโอเนล เมสซี่”  และนักเตะระดับพระกาฬ ทั้ง อันเดรส อีเนียสตา, ชาบี เอร์นันเดซ, ดาบิด บียา และดาวดังอีกคับคั่งต้องเดินทางมาด้วยแน่นอน

นอกจากจะบุกหนักในด้านของกลยุทธสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งแล้ว  ในส่วนของกลยุทธมิวสิคมาร์เก็ตติ้งก็บุกหนักไม่แพ้กัน  แม้ว่าจะใช้งบในการทำกิจกรรมการตลาดไม่สูงเท่ากับกลยุทธสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง แต่ดูจากจำนวนกิจกรรมคอนเสิร์ตทั้งเล็กและใหญ่ที่จะจัดในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 300 งาน ถือว่ามากมายพอสมควรสำหรับการสร้างแบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภค

สำหรับกลยุทธมิวสิคมาร์เก็ตติ้ง ที่ค่ายช้างจะดำเนินการจัดคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2 งาน ขณะที่คอนเสิร์ตขนาดเล็ก  ซึ่งจะเล่นตามผับ บาร์ จะอยู่ที่ประมาณ  200-300 งาน โดยในส่วนของคอนเสิร์ตใหญ่งานแรก คือ ช้างเฟส  ที่ริมทะสาบเมืองทอง  ซึ่งการจัดงานดังกล่าวคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 20,000 คน  เนื่องจากเป็นคอนเสิร์ตที่รวบรวมศิลปินวงร็อคของไทยไว้ในงานเดียว เพื่อเอาใจขาร็อคไม่ว่าจะเป็น บิ๊กแอส-โปเตโต้-พาราด็อกซ์-หรือ บอดี้สแลม

 
 
 
ส่วนอีก 1 คอนเสิร์ตใหญ่  ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ค่ายช้างขออุบไต๋ไว้ก่อน เนื่องจากอยู่ระหว่างการเตรียมงาน จึงยังไม่อยากเปิดเผยรายละเอียด แต่ที่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ นั่นก็คือ  การจัดคอนเสิร์ต “มูฟวี่  ออน เดอะ บีช แอนด์ คอนเสิร์ต” ซึ่งจะมีทั้งการฉายหนังและคอนเสิร์ตริมชายหาดชะอำ ในวันที่  11 พ.ค.ที่จะถึงนี้  ซึ่งการจัดคอนเสิร์ตในรูปแบบดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในกลยุทธไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้งที่ค่ายช้างต้องการเจาะตลาดคนรุ่นใหม่

ภายหลังจากออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดผ่าน โซเชียลเน็ตเวิร์ค ไลฟ์สไตล์มาร์เก็ตติ้ง  สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง และ มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง  เพื่อกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมา  ค่ายช้างถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง  เพราะทุกกิจกรรมที่จัดได้ผลการตอบรับที่ดีจากกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว  เช่นเดียวกับการนำเครื่องดื่มเบียร์ ภายใต้ชื่อ "ช้างเอ็กซ์ปอร์ต" เข้าทำตลาดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา

ปัจจุบันกลุ่มสินค้าเบียร์ภายใต้แบรนด์ช้าง บริษัท ไทยเบฟฯ จะเน้นหนักทำตลาดอยู่ด้วยกัน 2  กลุ่ม คือ "ช้างคลาสสิค"  และ "ช้างเอกซ์ปอร์ต" เนื่องจากเป็นสินค้าสร้างรายได้หลักโดยเฉพาะตัวคลาสสิค  ขณะที่ตัวเอ็กซ์ปอร์ต แม้ปัจจุบันจะยังคงสร้างรายได้ในอัตราส่วนที่น้อย แต่เนื่องจากสินค้าเป็นที่ถูกใจคนรุ่นใหม่  จึงทำให้ช้างเอ็กซ์ปอร์ตมีรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดด    

หลังจากนำเข้ามาทำตลาดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาช้างเอ็กซ์ปอร์ตมียอดขายเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 25 ล้านลิตร สูงกว่าที่วางเป้าหมายไว้ว่าจะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 20  ล้านลิตร ซึ่งจากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้ค่ายช้างตั้งเป้าไว้ว่าสิ้นปีนี้น่าจะมียอดขายช้างเอ็กซ์ปอร์ตอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านลิตร 

 
 
 
จากการออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ค่ายช้างหวังไว้ว่าสิ้นปีนี้น่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดตีตื้นค่ายสิงห์มาอยู่ที่ 35%  เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ  30% 

สำหรับภาพรวมของตลาดเครื่องดื่มเบียร์ในปีนี้ มีการคาดการณ์ว่าจะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 2,140 ล้านลิตร หรือคิดเป็นมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท  มีอัตราการเติบโตที่ 17% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดรวมเครื่องดื่มเบียร์มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

 

LastUpdate 22/04/2556 09:44:10 โดย : Admin
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 1:38 pm