ผ่านมาแล้วกว่า 2 เดือน หลังจาก "ธนาคารกสิกรไทย" ได้ตัดสินใจปรับโครงสร้างการบริหารงานระดับสูงกันใหม่่ กระทั่งล่าสุดที่มีโอกาสกลับมานั่งเล่าภาพความคืบหน้าของการเดินหน้าธุรกิจในยุค  "ไฮสปีด"

ครั้งนี้เปิดเวทีด้วย "กฤษฎา ล่ำซำ" รองประธานกรรมการและประธานกรรมการกำกับดูแลกิจการ ธนาคารกสิกรไทย เล่าถึงภาพการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจธนาคารในปัจจุบันว่า การแข่งขันในทุกๆ เรื่องเกิดขึ้นอย่าง "รวดเร็ว" อันเป็นที่มาของยุคไฮสปีด การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เรื่องเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ยูโรโซน จีน และญี่ปุ่น ก็จะเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงตลอด สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงถ่ายเทของเงินทุนต่างๆ ในโลกอยู่ตลอด และเกี่ยวโยงถึงกันไปทั้งโลก

นอกจากเรื่องราวของโลกแล้ว ความเปลี่ยนแปลงในประเทศเองก็เปลี่ยนแปลงเร็วไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจไทยที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งในช่วง 2-3 ปีมานี้ เห็นดีลซื้อกิจการขนาดใหญ่เกิดขึ้นจำนวนมาก ขณะที่ธุรกิจในกลุ่มเอสเอ็มอีเองก็พลอยอานิสงส์เติบโตไปตามภาวะเศรษฐกิจและเงินทุนที่ไหลเข้ามาในประเทศเช่นกัน

การเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมที่กระทบต่อไทย ทั้งเรื่องกฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ปัญหาการก่อการร้าย กฎระเบียบเกี่ยวกับป้องกันการฟอกเงิน วิกฤตเศรษฐกิจก็นำมาสู่ความเข้มงวดที่จะกำกับกับดูแลธุรกิจ แม้แต่ประเด็นเรื่องประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า ก็เป็นจุดเริ่มต้นของกฎระเบียบด้านกำกับดูแลระหว่างกันที่จะตามมาในอนาคตอีกมากมาย

นึ่จึงเป็นที่มาของโจทย์ที่ธุรกิจธนาคารเองก็ต้องปรับตัวให้ทันกับโลกยุคไฮสปีด เพราะโจทย์เปลี่ยนเร็ว ความต้องการของลูกค้าก็เปลี่ยนแปลงตาม การปรับตัวของธุรกิจแบงก์ก็ต้องตามไปให้ทัน และธนาคารกสิกรไทยเองก็มองเป้าหมายต่อไปที่จะขยับไปสู่การเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่สามารถให้บริการได้ในระดับภูมิภาคอีกด้วย

ในโลกที่ธุรกิจเปลี่ยนแปลงเร็วนั้น ธุรกิจสถาบันการเงินที่เป็นเสมือนหน่วยงานที่รวม "ความเสี่ยง" ของลูกค้าเข้ามาช่วยบริหารจัดการนั้น "สมเกียรติ ศิริชาติไชย" กรรมการและประธานกรรมการบริหารความเสี่ยงองค์กร ธนาคารกสิกรไทย จึงย้ำว่า ระบบการบริหารความเสี่ยงเองก็ต้องปรับให้ทันหรือต้องก้าวหน้าไปกว่าด้วยซ้ำ

ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ ที่วันนี้กำลังเติบโตได้ดี คำถามที่สำคัญจึงน่าสนใจว่า เติบโตในระดับที่พอดีอยู่ตรงไหน จะคุมอย่างไรไม่ให้เสี่ยงเกินไป ความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ที่วันนี้บทบาทเชิงกลยุทธ์ของธุรกิจธนาคารเองก็เริ่มเห็นธุรกิจอื่นๆ และคู่แข่งจากภายนอกประเทศเดินเข้ามามากขึ้น แล้วบทบาทของสถาบันการเงินไทยจะอยู่ตรงไหน และความเสี่ยงในการปฏิบัติงานที่จะต้องปรับให้ทันกับกฎเกณฑ์ เงื่อนไขระหว่างประเทศ และเทคโนโลยี จะทำอย่างไรให้ทัน ไม่ช้าเกินไป

"คำถามเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงทั้งหมดนี้ ไม่มีคำตอบที่ตายตัวชัดเจน เพียงแต่ตั้งเป็นคำถามเพื่อกำหนดแนวทางการจัดการต่อไปอย่างระมัดระวัง ไม่ประมาท เพื่อสนับสนุนให้ธนาคารกสิกรไทยเติบโตด้วยความมั่นคง เพราะเราต่างก็มีประสบการณ์กันมาแล้วเช่นเมื่อครั้งปี 2540"

ในประเด็นนี้ถูกสนับสนุนด้วย "ปรีดี ดาวฉาย" กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ที่ย้ำเสมอว่า "ความเสี่ยงไม่เคยหลับ" ฉะนั้นแล้ว ความท้าทายจึงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และท้าทายต่อความยั่งยืน ฉะนั้น เป้าหมายที่เขาเอ่ยว่า "เราจะเติบโตอย่างยั่งยืน" (Sustainable Profit Growth) จึงจำเป็นต้องปลูกฝังให้ทุกคนในองค์กรมองเป้าหมายเดียวกันและตระหนักถึงสิ่งที่ควรทำร่วมกัน นี่จึงเป็น "วัฒนธรรมองค์กร" ในสไตล์กสิกรไทย

ปรีดีบอกอีกว่า วัฒนธรรมของที่นี่คือ "การมองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง" เพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ กลยุทธ์ทางการตลาด ตลอดจนแบรนด์ของธนาคาร ผสมออกมาเป็นส่วนประกอบที่จะทำให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้ลูกค้าก็จะเลือกใช้บริการของธนาคารเป็น "ธนาคารหลัก" (Main Bank) ในทีี่สุด

ขณะเดียวกัน ธนาคารเองก็ต้องคงความเป็น "มืออาชีพ" ที่จะให้บริการและคำแนะนำทางการเงินแก่ลูกค้าอย่างจริงจัง และอาศัยการทำงานร่วมกันเป็น "ทีม" ซึ่งทำให้สามารถประสานรวมความสามารถของแต่ละคนเข้ามาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรื่อง "คน" จึงสำคัญมาก

อีกหนึ่งกรรมการผู้จัดการ "ธีรนันท์ ศรีหงส์" ก็อธิบายเพิ่มเติมในแง่การผลักดันให้ธนาคารเดินหน้าไปสู่การเป็น "ธนาคารหลัก" ในใจลูกค้านั้น วันนี้ภาพของธุรกิจธนาคารได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ธนาคารต้องทำหน้าที่ในลักษณะ "ผู้จัดหา" เครื่องมือทางการเงินต่างๆ มาช่วยตอบสนองความต้องการลูกค้า ทุกอย่างไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภายในตัวธนาคารอีกต่อไป หากแต่ต้องใช้ประโยชน์จากปัจจัยแวดล้อมให้เกิดประโยชน์

"สิ่งแวดล้อมที่เห็นชัดในวันนี้ก็คือ AEC ที่กำลังจะเกิดขึ้นทำให้การค้าระหว่างประเทศทั้งในอาเซียนด้วยกัน และอาเซียนกับประเทศอื่นๆ หรือที่เรียกว่า ASEAN+ กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เราเองก็ไม่ได้จำเป็นจะต้องไปเปิดสาขาบริการในทุกที่ แต่อาศัย "พันธมิตร" ที่มาจับมือกันสร้างเครือข่ายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะไปจีน เกาหลี ญี่ปุ่น หรือธุรกิจเหล่านี้จะเข้ามาไทย เราก็พร้อมสนับสนุนด้วยเครือข่ายพันธมิตรได้หมด"

นอกจากนี้ เทคโนโลยี ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยตอบโจทย์การแข่งขันในยุคไฮสปีด การสร้างประสบการณ์การใช้งานกับเทคโนโลยีให้แก่ลูกค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญ และต้องทำให้ง่าย ตรงประเด็น ลูกค้าทุกคนสามารถเข้าถึงและเล่นกับเทคโนโลยีได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งคู่มืออีกต่อไป เรื่องนี้จะต่อยอดไปได้อีกมาก ทั้งการวิเคราะห์ลูกค้า เชื่อมต่อระหว่างธนาคารกับลูกค้า การจัดสรรให้ระบบสามารถรองรับได้กับเครื่องมือทุกรูปแบบ เพื่อตอบสนองลูกค้าได้ในวงกว้าง

แม้ว่านานๆ จะมีโอกาสได้ฟังวิสัยทัศน์จาก "4 ขุนพลของกสิกรไทย" แต่คีย์แมนทั้ง 4 คนก็ยังเล่าภาพความเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในปัจจุบันที่ก้าวสู่ยุค "ไฮสปีด" ในวันนี้ได้อย่างน่าสนใจ และเป็นสิ่งที่ "เอซีนิวส์" อยากจะนำมาแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านได้ติดตามเช่นกัน