ปัญหา "ศีรษะล้าน" เป็นอีกสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เพราะทำให้ต้องอับอาย เสียบุคลิกภาพและขาดความมั่นใจมากพอสมควรเมื่อต้องอยู่ในสังคม แต่ที่ผ่านมามีการคิดค้นวิธีรักษาหลายวิธี ทั้งการใช้ยาทา ยาชนิดรับประทาน ปลูกถ่ายต่อมผมและล่าสุดอาจดูน่ากลัวอยู่บ้าง นั่นคือ การใช้ “เลือด” ของเราเองฉีดเข้าไปหล่อเลี้ยงและกระตุ้นให้เส้นผมเจริญเติบโต
ภาวะ"ศีรษะล้าน" เกิดขึ้นได้ทั้งจากกรรมพันธุ์ฮอร์โมนเพศชายเทสโตสเตอโรน ที่ถูกแปลงเป็นฮอร์โมนร้ายที่เรียกว่า "ฮอร์โมน Dihydrotestosterone (DHT)" ที่ไปบีบรากผมบางจุดหรือบางส่วนของศีรษะให้หดลง ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ตามปรกติ นอกจากนี้ ศีรษะล้าน ยังเกิดได้จากการบาดเจ็บหรือเป็นโรคร้ายแรงบางอย่างที่ทำให้ผมร่วงได้ และวัยที่เพิ่มขึ้นก็สามารถเป็นสาเหตุของปัญหาผมร่วงและศีรษะล้านได้ สำหรับผู้หญิงที่หมดรอบเดือนแล้วยังพบปัญหานี้ได้ไม่ต่างกัน
ที่ผ่านมา มีการคิดค้นวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพออกมาหลายอย่าง รวมถึงยาเม็ดขนานหนึ่งที่เรียกกันว่า เป็น "ยาเม็ดมหัศจรรย์" ใช้กันมานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยเริ่มใช้ในสหรัฐปี 1998 จากนั้นมีผู้ชายประมาณ 800,000 คนใน 38 ประเทศทั่วโลกนำไปใช้ โดยรับประทานเพียงวันละ 1 ครั้งในคอร์สรักษาเป็นเวลา 3-6 เดือน ซึ่งยาจะทำงานช่วยยับยั้งเอนไซม์ตัวหนึ่งที่แปลงฮอร์โมนเพศเทสโตสเตอโรนไปเป็นฮอร์โมน DHT จึงช่วยลดปัญหาเส้นผมหลุดร่วงและกระตุ้นให้เส้นผมเจริญเติบโตได้ใหม่ภายใน 3 เดือน ซึ่งการศึกษาพบว่าช่วยฟื้นฟูเส้นผมได้ประมาณ 86%
นอกจากเม็ดมหัศจรรย์ดังกล่าวแล้วยังมีการพัฒนาต่อยอดเพิ่มอีกหลายขนาน รวมทั้งยาทา ครีม การปลูกถ่ายผม เวลานี้ยังมีอีกวิธีที่เกิดจากการวิจัยของนักวิจัยมูลนิธิวิจัยเส้นผมนานาชาติ มหาวิทยาลัยเบรสเซียของอิตาลี ร่วมกับศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยฮีบรูของอิสราเอล ที่พบว่า วิธีที่ใช้ “เลือด” ของผู้ป่วยเองฉีดเข้าไปในศีรษะ ช่วยกระตุ้นการเติบโตของเส้นผมได้ โดยศึกษาผู้มีศีรษะล้าน 45 ราย และการฉีดพลาสมาและเกล็ดเลือด(PRP)ที่สกัดจากเลือดผู้ป่วยเข้าไปที่ศีรษะเปรียบเทียบกับการใช้ครีมสเตียรอยด์และยาหลอกเป็นเวลา 3 เดือน พบว่า การฉีดเลือดได้ผลดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
อนาคตการรักษาแบบใหม่นี้อาจได้รับความนิยมก็เป็นได้ เพราะปัจจุบัน "เลือด" ได้ถูกนำมาใช้เป็นวิธีช่วยลดริ้วรอยตีนกาบนใบหน้าให้กับผู้หญิงแล้ว เนื่องจากใช้เวลาน้อยเพียง 1 ชั่วโมง แต่ได้ผลยาวนานกว่าการฉีดโบทอกซ์
เรียกว่า "เจ็บตัวเพื่อชะลอแก่" ที่ได้ผลดีและปลอดภัย เพราะเป็นเลือดของตัวเอง เชื่อว่า จะมีผู้ชายและผู้หญิงจำนวนไม่น้อยพร้อมเลือกใช้วิธีนี้ โดยเฉพาะบางคนที่ผ่านสนามศัลยกรรมมามากมาย เช่น เสริมเต้านม ดูดไขมัน และอื่นๆ คงไม่มีอะไรเจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกแล้ว นี่แค่ดูดเลือดออกมาและฉีดกลับเข้าไป อาจแค่สิว ๆ !!
อย่างไรก็ตาม คงต้องฝากไว้สำหรับผู้ที่คิดจะใช้วิธีใหม่ “ฉีดเลือด”เพื่อรักษา "หัวล้าน" หรือหวังได้ “ใบหน้าอ่อนเยาว์” ขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนตัดสินใจ กันไว้.. ย่อมดีกว่าแก้
ข่าวเด่น