แม้ว่าอัตราการเติบโตของเด็กไทยจะมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายกลุ่มสินค้าสำหรับเด็กมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัว แต่จากการที่พ่อแม่ผู้ปกครองหันมาใส่ใจบุตรหลายของตัวเองมากขึ้น ด้วยการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับบุตรหลานของตัวเอง จึงทำให้สินค้าสำหรับเด็กเริ่มกลับมามีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้น
"ตลาดครีมอาบน้ำเด็ก" ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตสูงถึง 20.9% เมื่อเทียบกับปี 2554 และจากการที่มีผู้เล่นในตลาดมากขึ้น ส่งผลให้คาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดครีมอาบน้ำเด็กในสิ้นปีนี้ น่าจะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับดังกล่าว
น.ส.จิตชญา ตู้จินดา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน คอนซูเมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้อัตราเกิดของเด็กใหม่จะลดน้อยลง แต่จากการที่พ่อแม่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องสินค้าคุณภาพมากขึ้น เนื่องจากมีความรู้สูงขึ้นและไม่ได้ใช้ราคาเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อ จึงทำให้บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการเดินหน้าเข้ามาทำกิจกรรมทางการตลาดครีมอาบน้ำจอห์นสัน เบบี้ อย่างจริงจังมากขึ้นในปีนี้
สำหรับกลยุทธ์ตลาดหลักที่จอห์นสันฯ จะนำเข้ามาทำการตลาดในปีนี้จะเน้นไปที่ 2 ส่วนหลัก คือ 1.การตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านคุณภาพสินค้าเด็ก และ 2. การขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบและใช้สินค้าเด็ก ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวถือเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ตลาดครีมอาบน้ำเด็กมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น
ส่วนช่องทางการตลาดที่จอห์นสันฯ จะให้ความสำคัญมากขึ้นในการทำกิจกรรมทางการตลาดในปีนี้ คือ ช่องทางออนไลน์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เพราะจากผลสำรวจที่ระบุว่า ปัจจุบันคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตมากถึง 18 ล้านคน โดยเฉพาะสื่อเฟซบุ๊ค ประกอบกับพบข้อมูลว่า แม่ยุคใหม่เริ่มใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับการดูแลบุตรเพิ่มมากขึ้น เห็นได้ชัดจากจำนวนสมาชิกเฟซบุ๊คของจอห์นสันฯที่มีมากถึง 2 แสนคน ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เด็ก จึงทำให้จอห์นสันเล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาทำตลาดครีมอาบน้ำเด็กอย่างจริงจัง
ล่าสุด จอห์นสันฯ ใช้งบประมาณ 40 ล้านบาท ในการจัดแคมเปญ “กอด” กับ “จอห์นสัน เบบี้ มิลค์” ซึ่งจะมีกิจกรรมต่างๆ มากมายให้พ่อแม่ได้เข้าร่วม พร้อมกันนี้ยังได้ดึงแม่ลูกคนดังอย่าง “กบ-สุวนันท์” และ “น้อง ณดา ปุณณกันต์” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าดังกล่าว เพื่อให้แบรนด์สินค้าเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยหลังจากจบแคมเปญดังกล่าว จอห์นสันคาดว่าจะมียอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำจากน้ำนมเติบโตไม่ต่ำกว่า 15%
ปัจจุบัน จอห์นสันฯ มีรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก หรือจอห์นสัน เบบี้ อยู่ที่ประมาณ 2,300 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้จาก 8 ผลิตภัณฑ์หลัก ประกอบด้วย แป้งเด็ก 40% โลชั่น ออยล์ ครีม 35% ส่วนที่เหลือ 25% เป็นรายได้จากกลุ่มสินค้าประเภทครีมอาบน้ำ สบู่ก้อน แชมพู และกระดาษทำความสะอาด (Wipes)
หลังจากออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง จอห์นสันฯ คาดว่า ในปี 2556 นี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์จอห์นสัน เบบี้จะมีอัตราเติบโตขึ้น 10% และสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้เป็น 32% จากเดิมที่ทำได้ 31% ในปี 2555 เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก
นายแอนดรูว์ เชพเพิร์ด กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในฐานะที่บริษัทเป็นผู้นำตลาดแป้งเด็กมานานกว่า 40 ปี และมีความเชี่ยวชาญในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคชาวไทย ในปีนี้บริษัทจึงทำการขยายไลน์สินค้า ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำแคร์ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ และทำให้แคร์ก้าวสู่ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เด็กครบวงจร
ในด้านของแผนการทำตลาด แคร์ ได้เตรียมใช้งบประมาณกว่า 53 ล้านบาท ในการทำตลาดครีมอาบน้ำแคร์ เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งการที่ แคร์ หันมาทำตลาดครีมอาบน้ำในครั้งนี้ เพราะจากการศึกษาวิจัยถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค พบว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
เหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้ครีมอาบน้ำมากขึ้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ประการ คือ 1. มีทัศนคติต่อครีมอาบน้ำว่าให้ความอ่อนโยนและความชุ่มชื่นแก่ผิวมากกว่าผลิตภัณฑ์ในรูปแบบอื่น และ 2. บรรจุภัณฑ์ของครีมอาบน้ำรูปทรงขวดให้ความสะดวกและความสะอาดปลอดภัย โดยผู้บริโภคชาวไทย 25% มีสภาพผิวที่บอบบาง แพ้ง่าย ทำให้มีความต้องการครีมอาบน้ำที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้และสามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจด ซึ่ง แคร์ เล็งเห็นโอกาสดังกล่าว และออกมาเปิดตัว "ครีมอาบน้ำสูตรไฮโป-อัลเลอร์เจนิก" เข้าทำตลาด
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดที่แคร์ เตรียมงัดออกมาใช้ทำตลาดครีมอาบน้ำในครั้งนี้ คือ การมุ่งเน้นการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายถึงความสำคัญของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ซึ่ง แคร์ ได้จัดเตรียมกิจกรรมการสื่อสารทางการตลาดไว้ครบ 360 องศา เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ครีมอาบน้ำแคร์
นอกจากนี้ แคร์ ยังได้เตรียมภาพยนตร์โฆษณาชุด “ครีมอาบน้ำแคร์” เพื่อสื่อสารไปยังผู้บริโภคผ่านทีวีโฆษณาช่องต่างๆ นิตยสาร สื่อโฆษณาออนไลน์ และ สื่อโฆษณา ณ จุดขาย พร้อมกันนี้ แคร์ ยังได้เตรียมการแจกผลิตภัณฑ์ทดลองใช้จำนวน 2.1 ล้านชิ้นให้กับผู้บริโภคได้ทดลองใช้สินค้า
ปัจจุบันครีมอาบน้ำแคร์ สูตรไฮโป-อัลเลอร์เจนิก มีสินค้าเข้าทำตลาดด้วยกัน 3 กลิ่น ประกอบด้วย 1. ครีมอาบน้ำแคร์ สูตรไฮโป-อัลเลอร์เจนิก กลิ่นคลาสสิก (สีฟ้า) 2. ครีมอาบน้ำแคร์ สูตรไฮโป-อัลเลอร์เจนิก กลิ่นพิงค์ ซอฟต์ (สีชมพู) และ 3. ครีมอาบน้ำแคร์ สูตรไฮโป-อัลเลอร์เจนิก กลิ่นเบบี้ สปา (สีเขียว)
จากการออกมาทำการตลาดครีมอาบน้ำอย่างหนักของทั้ง 2 ค่ายในช่วงนี้ คาดว่าอีกหนึ่งค่ายใหญ่ นั่นก็คือ เบบี้มายด์ คงออกมาเปิดกลยุทธทางการตลาด เพื่อป้องกันส่วนแบ่งการตลาดอย่างแน่นอน ใครจะเป็น "เจ้าตลาดครีมอาบน้ำสำหรับเด็ก" อย่างแท้จริง ระยะเวลาเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์
ข่าวเด่น