กองทุนรวม
บลจ. กสิกรไทย เปิดตัวกองทุน "K-MPLUS" เตรียม IPO 27 พ.ค. - 3 มิ.ย.


บลจ. กสิกรไทย ส่งกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) เพิ่มทางเลือกลงทุนใหม่ ตอบดีมานด์ผู้ลงทุนเสี่ยงต่ำที่ต้องการพักเงินยาวกว่า 1 สัปดาห์ เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนจากตราสารหนี้คุณภาพดีที่ดูเรชั่น (duration) ยาวขึ้นกว่ากองทุนตลาดเงินเล็กน้อย พร้อมเพิ่มสัดส่วนลงทุนในต่างประเทศ Hedge 100% สภาพคล่องสูงซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ เตรียม IPO 27 พ.ค. – 3 มิ.ย. นี้

นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย เตรียมเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการแหล่งพักเงินท่ามกลางภาวะผลตอบแทนในตลาดต่ำ พร้อมโอกาสรับผลตอบแทนที่จูงใจ และสภาพคล่องสูงสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ เอกชนและสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศโดยมีสัดส่วนในการลงทุนต่างประเทศได้สูงสุดถึง 50% พร้อมนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

“กองทุน K-MPLUS เป็นทางเลือกที่เพิ่มขึ้นจากกองทุนในกลุ่มกองทุนตลาดเงิน และกองทุนตราสารหนี้ของบลจ. กสิกรไทย โดยความน่าสนใจของกองทุน K-MPLUS อยู่ที่การออกแบบกองทุนมาเพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการพักเงินตั้งแต่ 1 สัปดาห์ขึ้นไป และคาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นจากการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศที่มีอายุเฉลี่ย (Duration) ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี รวมทั้งสามารถรับความผันผวนจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุยาวกว่าซึ่งอาจทำให้มีความผันผวนของ NAV แบบวันต่อวันอยู่บ้างได้ อย่างไรก็ตาม กองทุนนี้ยังคงมีสภาพคล่องสูง โดยผู้ลงทุนสามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ และจะได้รับเงินค่าขายคืนในวันทำการถัดไป นอกจากนี้ผู้ลงทุนบุคคลธรรมดายังมีโอกาสรับผลตอบแทนแบบเต็มๆ โดยไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย” นายจงรักกล่าว

สำหรับมุมมองของบลจ. กสิกรไทย ต่อแนวโน้มดอกเบี้ยและแนวโน้มของผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ นายจงรักกล่าวว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยรวมถึงผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศน่าจะอยู่ในภาวะทรงตัวหรือปรับตัวในทิศทางขาลง โดยในระยะสั้นจะยังคงอยู่ในระดับต่ำและผันผวนอยู่อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะผ่านพ้น 29 พ.ค. นี้ไป อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดจะได้คาดการณ์ล่วงหน้าและทยอยปรับลดอัตราผลตอบแทนลงมาบ้างแล้วก็ตาม แต่หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาจริงก็อาจส่งผลกระทบต่อทั้งกองทุนตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มีอัตราผลตอบแทนลดลงได้อีก ผนวกกับการที่ธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชียหลายแห่งทั้งเกาหลีใต้ เวียดนาม ออสเตรเลีย และอินเดียได้ทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาแล้วตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา อาจเพิ่มแรงกดดันต่อธนาคารแห่งประเทศไทยในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น ในขณะที่แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในประเทศของไทยเองก็ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ดังนั้น โอกาสที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเป็นไปได้ยาก และจะส่งผลให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทย น่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ที่มีระยะเวลาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของตราสารหนี้ (Duration)ในพอร์ตยาวขึ้น และให้โอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจเพิ่มเติม แต่ยังคงมีสภาพคล่องที่ดีพร้อมรองรับการสับเปลี่ยนเงินลงทุนไปยังกองทุนอื่นในจังหวะที่เหมาะสม จึงถือเป็นทางเลือกที่เอื้อต่อผู้ลงทุนที่ยังคงต้องการแหล่งพักเงินในช่วงนี้เพื่อรอตัดสินใจลงทุนต่อไป

ผู้ลงทุนที่สนใจสามารถลงทุนกับกองทุน K-MPLUS ได้ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท


LastUpdate 20/05/2556 13:11:33 โดย : Admin
23-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 23, 2024, 11:57 pm