หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลง 0.25% มาอยู่ที่ 2.5% ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลและนักธุรกิจต่างก็หวังว่าจะเห็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ลงตาม เพื่อลดต้นทุนในการทำธุรกิจ
โดย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เชื่อว่า อีกไม่นานจะเห็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสถาบันการเงินปรับตัวลดลงบ้าง ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากนั้น เชื่อว่าสถาบันการเงินจะดูแล ไม่ให้มีการปรับลดลง เพื่อดูแลการออมของประเทศ
แต่ในมุมมองของธนาคารพาณิชย์เอกชน ต่างก็ยอมรับว่าการแข่งขันปล่อยสินเชื่อในระบบที่มีความรุนแรง ทำให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยทำได้ยากขึ้น
โดย นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การตอบรับเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง. ยังต้องรอดูสถานการณ์เรื่องการแข่งขันในตลาด ซึ่งปัจจุบันตลาดยังมีการแข่งขันสูงมาก ทั้งการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์ด้วยกันเอง และการแข่งขันที่มีธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ สถานการณ์ในตลาดโลกก็มีผลเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในประเทศ การพิจารณาของธนาคารต้องดูในภาพรวมของเศรษฐกิจทั้งหมด รวมทั้งความผันผวนของตลาดทุนของโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่เกิดขึ้นเร็วมาก หากปรับลดดอกเบี้ยในภาวะที่ตลาดมีความผันผวนสูง ก็จะยิ่งสร้างความผันผวนมากขึ้นไปอีก จึงต้องรอให้สถานการณ์ด้านความผันผวนที่เกิดขึ้นมีเสถียรภาพก่อนถึงจะพิจารณา
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง ก็เชื่อว่า ธนาคารพาณิชย์จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงระยะนี้ เนื่องจากมีความต้องการสินเชื่อจำนวนมากทั้งภาคเอกชนและบุคคล โดยที่ผ่านมามีการอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลไปเพียง 40 % จากจำนวนผู้ยื่นขอทั้งหมด ดังนั้นจึงมีลูกค้าอีกจำนวนมากที่ไม่ได้รับการอนุมัติ และอาจจะไปใช้สินเชื่อนอกระบบแทน
ส่วนธนาคารไทยพาณิชย์ นายไตรรงค์ บุตรากาศ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย GTS ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวว่า ธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาในการปรับอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝาก แต่ก็ยอมรับว่า สภาพคล่องในระบบค่อนข้างตึงตัว เพราะมีการปล่อยสินเชื่อสูง และธนาคารยังต้องการระดมเงินฝาก เพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อระยะต่อไป หากดอกเบี้ยเงินฝากลดลงมาก็จะกระทบแผนระดมเงินฝากได้ เพราะลูกค้าจะเลือกการออมในรูปแบบอื่นแทน
ด้าน นายวศิน วณิชย์วรนันต์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ลงตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ มีปัจจัยหลายๆ ด้านที่ต้องนำมาชั่งน้ำหนัก โดยเฉพาะในส่วนของเงินทุนที่ต้องระดมมาปล่อยกู้ ในขณะที่สินเชื่อยังมีแนวโน้มที่เติบโตได้ดี รวมถึงโครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่จะทยอยออกมา ก็จะทำให้มีความต้องการของสินเชื่อเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น การตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ยตาม กนง.ครั้งนี้ อาจจะไม่เร็วเหมือนที่ผ่านมา
ขณะที่เสียงสะท้อนจากผู้บริหารของธนาคารรัฐ นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน กล่าวว่า ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า คณะกรรมการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของธนาคารจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งก็จะต้องพิจารณาทั้งสถานะการเงินของธนาคาร และสถานการณ์การแข่งขันด้านอัตราดอกเบี้ยในระบบธนาคารพาณิชย์
นายบุญไทย แก้วขันตี รองผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารจะต้องคำนึงถึงการเงินของธนาคาร ส่วนใหญ่มาจากผู้ฝากเงินไม่ได้มาจากการกู้เงินในระบบ ซึ่งธนาคารจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลง 0.25% หรือไม่นั้น คณะกรรมการของธนาคารจะประชุมกันในเร็วๆ นี้ ซึ่งก็คงต้องพิจารณาด้วยว่าต้นทุนทางการเงินของธนาคารได้รับผลกระทบแค่ไหนจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย
จากปัจจัยต่างๆ ที่สะท้อนมา ทำให้ยอมรับว่า การที่จะเห็นธนาคารพาณิชย์ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงคงทำไม่ได้ง่าย เหมือนในอดีตที่ผ่านมา....
ข่าวเด่น