หลังจาก บริษัท บาจา (ประเทศไทย) จำกัด ทำธุรกิจจำหน่ายรองเท้าบาจาในประเทศไทยมานานถึง 84 ปี ส่งผลให้เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา บริษัท บาจา ต้องออกมาปรับแผนการดำเนินธุรกิจ ด้วยการออกมาใช้งบ 200 ล้านบาท ในการปรับปรุงภาพลักษณ์แบรนด์และร้านรองเท้าบาจาให้มีความทันสมัยมากขึ้น เพื่อดึงกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาซื้อสินค้าภายในร้าน
ก่อนหน้าที่ บริษัท บาจา จะออกมาปรับปรุงภาพลักษณ์ร้านรองเท้าบาจา ภาพของแบรนด์จะสื่อออกเป็นแบรนด์ที่จำหน่ายเฉพาะรองเท้านักเรียน เนื่องจากมีการโฆษณาผ่านสื่อมากกว่ารองเท้าแฟชั่น ทั้งที่ความจริงแล้วสัดส่วนยอดขายหลักมาจากรองเท้าแฟชั่นสูงถึง 70% ขณะที่สัดส่วนยอดขายรองเท้านักเรียนมีเพียง 30% เท่านั้น
เมื่อภาพของแบรนด์รองเท้าบาจาออกมาแบบนั้น บริษัท บาจา จึงต้องออกมาปรับภาพลักษณ์แบรนด์ครั้งใหญ่ ด้วยการหันมาปรับปรุงร้านให้มีความทันสมัย พร้อมกับผลิตสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็หันมาเน้นการโฆษณารองเท้าแฟชั่นแทนการโฆษณารองเท้านักเรียน เพื่อกลบภาพบาจาที่ผู้บริโภคเข้าใจว่ามีแต่รองเท้านักเรียนจำหน่าย
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ บริษัท บาจา ตัดสินใจลดการโฆษณารองเท้านักเรียนบาจา คือ รองเท้านักเรียนจะมีหน้าจำหน่ายเฉพาะช่วงเปิดเทอมเท่านั้น ขณะที่รองเท้าแฟชั่นสามารถจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ปัจจุบันสัดส่วนยอดขายรองเท้านักเรียน ปรับลดลงเหลืออยู่ที่ประมาณ 5% เท่านั้น และเพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ใหม่ บริษัท บาจา ได้มีการแยกซับแบรนด์ของร้านบาจาออกเป็น 2 รูปแบบ คือ บาจาซิตี้ และ บาจาแฟมิลี่
ในส่วนของ ร้านบาจา ซิตี้ จะเน้นทำตลาดผ่านช่องทางศูนยการค้า เช่น ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ และศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต เป็นต้น ขณะที่ ร้านบาจา แฟมิลี่ จะเน้นจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น ห้าง บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และห้างเทสโก้ โลตัส เป็นต้น ซึ่งหลังจากปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้มีความทันสมัย ร้านรองเท้าบาจาก็มียอดขายเติบโตมากกว่า 15% ขณะที่ยอดขายช่วงก่อนปรับภาพลักษณ์ทรงตัว หรือมีอัตราการเติบโตเพียงตัวเลข 1 หลักเท่านั้น
นอกจากนี้ บริษัท บาจา ยังได้มีเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับทัพรองเท้าแฟชั่นภายใต้แบรนด์ “ฟุตอิน” (Footin) ด้วยการวางตำแหน่งสินค้าเป็นรองเท้าแฟชั่นที่คนทั่วไปสามารถซื้อได้ เนื่องจากราคาขายจะถูกกว่าแบรนด์บาจา โดยจะมีราคาเริ่มต้นที่ 299-699 บาท ซึ่งหลังจากทดลองเปิดร้านฟุตอินภายในศูนย์การค้าต่างๆ มา 3 ปี ได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยการมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 35-40% ต่อปี
นายชิตพันธ์ กันหะสิริ ผู้จัดการฝ่ายค้าปลีก บริษัท บาจา(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การออกมาปรับแผนการดำเนินธุรกิจในรูปแบบดังกล่าว ถือว่าเป็นการเดินตามนโยบายของบาจาทั่วโลก ที่ต้องการปรับแบรนด์ให้มีความทันสมัย เช่นเดียวกับการการนำแบรนด์ฟุตอินเข้ามาเปิดให้บริการ ซึ่งในหลายประเทศก็มีการนำแบรนด์ฟุตอินเข้ามาทำตลาดเช่นกัน
สำหรับแคมเปญระดับโลก ที่บาจาประเทศไทยกำลังดำเนินรอยตาม คือ "BATA, THEN AND NOW" ซึ่งรายละเอียดของแคมเปญนี้จะมีตั้งแต่การปรับปรุงร้านบาจาให้ดูทันสมัย และพัฒนาสินค้าให้หลากหลายตอบโจทย์ผู้บริโภค รวมไปถึงการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายแบบออนไลน์ กับ “BATA HOME DELIVERY” บริการใหม่จากบาจา ภายใต้สโลแกน "ส่งรองเท้าคู่โปรด ตรงถึงบ้านคุณ" เป็นบริการสำหรับลูกค้าที่ไม่สามารถหาซื้อรุ่นหรือไซส์รองเท้าที่ต้องการได้ เพียงสั่งซื้อผ่านทางหน้าร้านของบาจาที่มีสัญลักษณ์ BATA HOME รวมถึงผ่านทางหน้า Facebook: Bata Thailand ของบาจา สินค้าจะถูกจัดส่งไปถึงบ้านภายใน 3-5 วันทำการ โดยไม่ต้องเสียค่าจัดส่งสำหรับการสั่งซื้อที่มีมูลค่าตั้งเเต่ 499 บาท (ต่อหนึ่งใบเสร็จรับเงิน)
นายศุภกฤษณ์ มาลัยทอง ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท บาจา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ประมาณเดือน ก.ค. นี้ บริษัทมีแผนที่จะขยายการตลาดไปยังช่องทางออนไลน์ ประกอบด้วย เว็บไซต์ www.batathailand.com ,เฟสบุ๊ค ,อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ของบาจาไทยแลนด์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หันมาสนใจสื่อในโลกออนไลน์มากขึ้น ซึ่งในส่วนของราคาขายจะเป็นราคาเดียวกับหน้าร้าน โดยลูกค้าที่สนใจสั่งซื้อสามารถจ่ายได้ทั้งผ่านบัตรเครดิตและการโอนเงินผ่านบัญชีตามที่แจ้งในเว็บไซต์
การขายสินค้าออนไลน์ผ่านช่องทางดังกล่าวในตลาดต่างประเทศได้เริ่มทดลองมาตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และ อินเดีย ซึ่งหลังจากเปิดตัวพบว่า ได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า โดยบางประเทศมียอดขายสูงถึงวันละ 100 คู่
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัท บาจา มีแผนที่จะเปิดร้านบาจาทั้งในส่วนของ ร้าน บาจา ซิตี้ และ ร้าน บาจา แฟมมิลี่ จำนวน 30 สาขา ภายใต้งบลงทุนรวม 180 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 6 ล้านบาทต่อสาขา ขณะที่ ร้าน ฟุตอิน จะเปิดร้านใหม่ 10 สาขา ภายใต้งบลงทุนรวมประมาณ 60 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อสาขาที่ 6 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะใช้งบ 3% ของยอดขาย ในการทำกิจกรรมการตลาดปีนี้ เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะร้านฟุตอิน เนื่องจากเพิ่งดำเนินธุรกิจมาเพียง 3 ปี ขณะที่ร้านบาจายังต้องทำการตลาด เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัยต่อเนื่องเช่นกันหลังจากทำมาแล้ว 3 ปี
ในส่วนของคอลเลคชั่นใหม่ประจำปีนี้ บริษัท บาจา ได้เปิดตัว รุ่น นีออน มิกซ์ (NEON MIXED) รองเท้าสำหรับหนุ่มสาวที่โดดเด่นด้วยสีสันสดใสของสีนีออน มิกซ์สีตัดอย่างสนุกสนาน ทั้งชมพู ฟ้า น้ำเงิน ส้ม อีกทั้งวัสดุที่มันเงาและเลื่อมแวววาว ให้สนุกกับการแต่งตัวอินเทรนด์ และอีกหนี่งดีไซน์ที่ยังคงสไตล์เรียบหรู สุขุมด้วยสีพื้นๆ เช่น ดำ ทอง เบจ กับการตัดแต่งลายเส้น ดอกไม้ต่างๆ ทั้งหุ้มส้น มอคคาซีน นอกจากนี้ ยังมีส้นสูง ส้นเตารีด และรองเท้าแพลทฟอร์ม ทั้งแบบเสริมส้นปลายเท้าและคัทชู เข้าทำตลาด เพื่อเพิ่มความหลากหลายในสินค้า
ปัจจุบัน บาจา มีรองเท้าสำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็น รองเท้านักเรียน รองเท้ากีฬา รองเท้าลำลองสำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี รองเท้าแตะ รองเท้าเด็ก และรองเท้าแฟชั่น ขณะที่แบรนด์รองเท้าที่จำหน่ายภายในร้านบาจาก็มีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็น BATA, BATA FLEXIBLE, POWER, WEINBRENNER, NORTH STAR, BUBBLEGUMMERS, MARIE CLAIRE, COMFIT, PATAPATA และ B-FIRST เป็นต้น
ย้อนกลับไปเมื่อ 119 ปี “บาจา” เกิดขึ้นจากสมาชิกของครอบครัวช่างทำรองเท้าในรุ่นที่ 9 ได้ริเริ่มก่อตั้งบริษัทรองเท้าบาจา เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2437 ณ เมืองซลิน ประเทศเชคโกสโลวาเกีย (ปัจจุบัน คือ สาธารณรัฐเชค)
นายโทมัส บาจา เริ่มลงทุนจากเงินที่เก็บสะสมมาซื้อเครื่องจักรผลิตรองเท้าแบบง่ายๆ ซึ่งต่อมาได้วิวัฒนาการสู่โรงงานอุตสาหกรรมผลิตรองเท้าจากระบบการผลิตแบบเก่า มาสู่สายพานการผลิตที่ทันสมัย ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น โดยมีการสืบสานแนวคิดการออกแบบและผลิตรองเท้าที่มีรูปแบบสวยงาม ทนทาน ในราคาที่ทุกคนสามารถซื้อได้ จากยอดการผลิตรองเท้าบาจาได้เพียงวันละ 2,200 คู่ มีจำนวนพนักงาน 250 คน
จากจุดเริ่มต้นจนถึงวันนี้ บาจา ดำเนินธุรกิจมาได้ 119 ปีแล้ว จากความเก่าแก่ของธุรกิจ ส่งผลให้ บาจา ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีร้านค้าปลีกกว่า 4,600 แห่ง และให้บริการลูกค้าวันละ 1 ล้านคน มีพนักงานกว่า 40,000 คน โรงงานผลิต 40 แห่ง ใน 26 ประเทศทั่วโลก โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ภายใต้การบริหารของ นายโทมัส จี บาจา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บาจา อินเตอร์เนชั่นแนล
ในส่วนของประเทศไทยโรงงานบาจาแห่งแรก ตั้งอยู่ที่ซอยทองหล่อในปี 2502 ต่อมาปี 2516 ย้ายมาอยู่ที่ซอยลาซาล กิโลเมตรที่ 7 ปี 2523 ย้ายมาอยู่ที่ถนนสายกิ่งแก้ว-ลาดกระบัง และปัจจุบันโรงงานผลิตรองเท้าบาจาตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง มีพนักงานประมาณ 780 คน ทำการผลิตรองเท้าได้วันละ 1,000 คู่ มีหน่วยงานขายในประเทศกว่า 250 แห่ง และตัวแทนขายส่งอีกกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ
ข่าวเด่น