เมื่อพูดถึงเรื่อง "ศัลยกรรมเสริมความงาม" แน่นอนว่า ต้องนึกถึงเกาหลีใต้ที่กำลังมีชื่อเสียงทางด้านนี้และมีรายงานข่าวแสดงให้เห็นอยู่บ่อยครั้งถึงการเนรมิตรใบหน้าใหม่สวยงามให้แก่ทั้งนางงามหรือดารา เหมือนเป็นคนละคนกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
อย่างไรก็ตาม การทำศัลยกรรมมีทั้งด้านดีและด้านบวก โดยอาจสร้างความสุข ความพึงพอใจแก่ผู้ทำ ช่วยคนสวยน้อยให้สวยเพิ่มขึ้น ให้ดูดีขึ้นหรือแก้ไขความบกพร่องต่างๆ แต่หากทำศัลยกรรมอย่างผิดวิธีหรือนำวัสดุที่ไม่ปลอดภัยมาใช้ แทนที่จะทำให้ดีขึ้น สวยขึ้น อาจกลายเป็นต้องเสียโฉมไปอย่างถาวร แก้ไขไม่ได้หรือเป็นอันตรายถึงชีวิต
แม้การทำศัลยกรรมในปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางจนเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดาและมีหลายครั้งที่แพทย์ออกมาเตือนเรื่องศัลยกรรมทุกชนิดล้วนมีความเสี่ยงหลายครั้งหลายครา ทว่ายังคงมีรายงานถึงผู้ได้รับผลกระทบจากการทำศัลยกรรมอย่างต่อเนื่อง เช่น การเตือนอันตรายจากการศัลยกรรมเสริมความงาม ด้วยการฉีดสารเติมเต็ม หรือ ฟิลเลอร์ ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอันตราย แต่ความเป็นจริงการฉีดสารต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย
ดังก่อนหน้านี้ ไทยเองเคยมีผู้เคราะห์ร้ายฉีดฟิลเลอร์ที่สะโพกแล้วทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน ช็อกหมดสติ สมองขาดออกซิเจน จนเป็นเจ้าหญิงนิทราและเสียชีวิตในที่สุดมาแล้ว ส่วนการฉีดที่จมูกบ่อยครั้งแพทย์เตือนว่ามีความเสี่ยงอาจทำให้เกิดเนื้อเน่าตายหรือฉีดเข้าเส้นเลือดอาจทำให้ตาบอดได้
ในสหรัฐก็เคยมีรายงานหมอเถื่อนเสริมบั้นท้ายให้ลูกค้า โดยฉีดสารอันตรายต่าง ๆ เช่น ซีเมนต์ น้ำมัน กาวยาง และซูเปอร์กลู จนทำให้จนลูกค้ามีอาการคล้ายปอดบวมและเสียชีวิตลงในที่สุด
ที่เกาหลีใต้ ดินแดนแห่งศัลยกรรมมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเองยังมีรายงานความเสี่ยงจากศัลยกรรมเช่นกัน โดยเมื่อเร็ว ๆนี้มีรายงานพบหญิงชาวเกาหลีใต้ นางฮัง ไมโอกุ หญิงชาวเกาหลีใต้อายุ 48 ปี ที่เสพติดศัลยกรรมอย่างหนัก ใช้วัสดุที่ไม่เหมาะสม คือ ฉีดน้ำมันพืชเข้าไปที่ใบหน้า จนทำใบร่างกายแพ้ใบหน้าบวม กว้าง และใหญ่จนผิดรูปผิดร่าง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามกลายเป็นเสียโฉมไปอย่างถาวร แม้มีผู้บริจาคเงินช่วยเหลือให้ผ่าตัดใหม่ก็ไม่สามารถกลายมาเป็นฮังคนเดิมที่สวยสดใสได้อีก
สำหรับสาว ๆ ที่คิดจะทำใบหน้าเรียวสวยงามด้วยการให้แพทย์ไปเหลาคางหรือตัดกรานก็ต้องคิดให้มากหน่อยไม่แพ้กัน เพราะล่าสุด ทันตแพทย์ชอย จิน-ยอง จากคณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล เพิ่งเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า การผ่าตัดกระดูกขากรรไกรบน-ล่าง ซึ่งเป็นวิธีสำหรับแก้ไขปัญหาใบหน้าผิดรูปหรือแก้ไขปัญหาในการเคี้ยวให้กับผู้ป่วย แต่ได้ถูกนำไปเป็นวิธีศัลยกรรมเสริมความงามให้กลุ่มที่ต้องการมีใบหน้าเรียวเล็กสวยงามด้วยนั้น สามารถทำให้ผู้รักสวยรักงามกลุ่มนี้ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างน่าตกใจ เพราะการผ่าตัดนี้เป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อน อันตรายสูง แพทย์ต้องวางยาสลบและพักฟื้นนานหลายเดือน
ความเสี่ยงที่สำคัญคือ อาจทำให้เกิดภาวะใบหน้าชาถาวร หรือถึงขั้นเป็นอัมพาตได้ ขณะที่บางราย มีอาการปากเบี้ยวไปทางซ้าย ขากรรไกรชาและไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้ำลายไหลออกมา ขณะที่มีนักศึกษาหญิงรายหนึ่งถึงกับฆ่าตัวตายเพราะเคี้ยวอาหารไม่ได้ และมีน้ำตาไหลตลอดเวลา เพราะเส้นประสาทที่ท่อน้ำตาเสียหายหลังการผ่าตัดขากรรไกร
แม้ยังไม่มีสถิติที่เป็นทางการว่า มีการผ่าตัดขากรรไกรเพื่อเสริมความงามกันมากน้อยอย่างไร แต่เคยมีผลการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ ประมาณการว่า มีการผ่าตัดขากรรไกรทางการแพทย์และเสริมความงามในเกาหลีใต้รวมกันมีจำนวนเฉลี่ย 5,000 รายต่อปี ในจำนวนนี้ร้อยละ 52 เกิดปัญหาด้านประสาทรับความรู้สึก เช่น ใบหน้าชา โดยในปี 2012 ที่ผ่านมาสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคเกาหลีใต้ ได้รับเรื่องร้องเรียน 89 ราย เพิ่มขึ้นจาก 29 รายเมื่อปี 2010 เชื่อว่า ยังมีอีกมากที่ไม่ได้ร้องเรียน หรืออับอายไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม คงเป็นเรื่องยากที่จะห้ามไม่ให้คนส่วนใหญ่ทำสวยด้วยแพทย์ ขอเพียงให้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสถานบริการที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องแล้วเท่านั้น เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ข่าวเด่น