ผมได้ไปอ่านบทความของนักเขียนท่านหนึ่งที่ผมรู้จักเมื่อตอนที่ผมมาทำงานที่เครดิตบูโร เหตุเพราะผมอยากทราบว่ามีใครบ้างที่เป็นคนที่มีความรู้ด้านการวางแผนทางการเงิน มีจิตใจที่เป็นครู มีความสามารถในการถ่ายทอด มีความตั้งใจที่จะช่วยคนที่กำลังคิดกำลังวางแผนไม่ให้เสี่ยงกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ท้ายที่สุดคือมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศไทยดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ผมได้พบกับคุณจักรพงษ์ เมษพันธุ์ และอยากแนะนำท่านผู้อ่านให้ติดตามงานของนักเขียนท่านนี้นะครับ ลองเข้าไปหาบทความ ข้อเขียนของท่านได้จากกูเกิลนะครับ
เรื่องที่ผมอยากนำเสนอคือคำนิยามของหนี้ที่คุณจักรพงษ์ เมษพันธุ์ ได้ให้ไว้ว่าเวลาที่เราๆ ท่านๆ คิดจะก่อหนี้สิน ให้ถามตัวเราก่อนว่าหนี้ที่คิดจะก่อนั้นเป็น หนี้รวย หรือหนี้จน ลองมาอ่านคำนิยามที่แกเขียนไว้ และผมขอนำมาขยายผลต่อดังนี้ คือ
"หนี้รวย” คือ หนี้ที่เรากู้ยืมมาลงทุน เมื่อกู้ยืมมาแล้ว ทำให้เรามีเงินเพิ่มขึ้น เช่น คนกู้เงินซื้อแท๊กซี่เงินผ่อนมาหนึ่งคัน มีภาระต้องส่งไฟแนนซ์เดือนละ 12,000 บาท แต่ปล่อยเช่าเก็บเงินค่าเช่าได้เดือนละ 20,000 บาท ผลลัพธ์สุดท้ายการก่อหนี้ครั้งนี้ ทำให้มีเงินเข้ากระเป๋าเพิ่มขึ้น (กำไร) 8,000 บาท/เดือน ดังนั้น หนี้ก้อนนี้จึงเป็นหนี้รวย
“หนี้จน” นั้นคือ หนี้ที่เมื่อเรากู้ยืมคนอื่นมาแล้ว ทำให้เรามีรายจ่ายเพิ่มขึ้น มีเงินเหลือน้อยลง (จนลง) เช่น เงินกู้บัตรเครดิต เงินกู้สินเชื่อส่วนบุคคล ฯลฯ หนี้เหล่านี้ล้วนแล้วแต่สร้างค่าใช้จ่ายรายเดือนให้เพิ่มขึ้น โดยไม่มีรายได้แต่อย่างใด ดังนั้น หนี้บัตรเครดิตในตัวอย่างนี้จึงเป็นหนี้จน
ผมขอให้ข้อคิดต่อจากหนี้จน หนี้รวย ก็คือ
1. ถามตัวเองก่อนทุกครั้ง ตอบตัวเองให้ได้ก่อนทุกทีนะครับ ไม่ต้องไปตอบให้ใครได้ยิน มันเป็นการคิดและตอบในใจ หรือถามส่วนลึกของใจตนเอง อย่าโกหกตัวเองนะครับ เพราะถ้ายังโกหกตัวเองแล้วก็ไม่มีเทวดาองค์ไหนช่วยท่านได้ คำถามคือ
1.1 กู้ครั้งนี้ที่คิดไว้จะเอามาทำอะไร มันจำเป็นหรือไม่ ไม่กู้ได้ไหม
1.2 วางแผนใช้เงินกู้ก้อนที่กำลังคิด กำลังจะยื่นขอนี้อย่างไร แน่ใจนะว่าทำได้
1.3 เงินกู้เก่าที่มีอยู่เดิมปัจจุบันนี้ วางแผนและมีการชำระเป็นอย่างไร ไหวไหม เอาอยู่ไหม
1.4 เอาเงินกู้เก่าบวกเงินกู้ใหม่ที่กำลังคิดจะกู้มารวมกันแล้วถามตัวเองว่าจะใช้คืนยังไงไหวไหม เอาอยู่ไหม
2. ประเมินตัวเองว่าตนเองมีความสามารถในการชำระหนี้และมีความสามารถที่จะก่อหนี้เพิ่มได้อีกไหม ทำอย่างนี้ครับ เอาเงินที่ต้องจ่ายชำระหนี้ทุกก้อนในเดือนหนึ่งๆ ที่จะประกอบด้วย ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนบัตร ผ่อนรถ ผ่อนสินเชื่อบุคคล ค่าแชร์มารวมกันเป็นตัวตั้ง แล้วหารด้วยรายได้ที่ได้รับในเดือนเดียวกัน
ผลที่ออกมาคิดเป็นเปอร์เซ็นต์และแปลความดังนี้
2.1 ถ้าออกมาต่ำกว่า 40% ถือว่ายังไหว ยังพอไปได้แต่ต้องตอบคำถามข้อ 1 ให้ได้ก่อน
2.2 ถ้าออกมาอยู่ในช่วง 50-60% ถือว่าไฟเหลืองแล้ว คิดให้มากคิดให้เยอะหากจะกู้
2.3 ถ้าออกมาอยู่ในช่วง 70-80% ถือว่าไฟแดง หนี้ถึงคอแล้ว อย่าคิดก่อหนี้เด็ดขาด
ทั้งคำนิยาม การถามตัวเอง มีสูตรประเมินเสร็จ การกู้เงินเงินต้องวางแผนนะครับ ห้ามมั่วเด็ดขาด
สุรพล โอภาสเสถียร
ผู้จัดการใหญ่
บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด
ข่าวเด่น