ที่ผ่านมา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้ออกมาเตือนอยู่หลายครั้ง เพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังคะนองให้ระมัดระวังความเสี่ยงจากแฟชั่นเสริมแต่งบนร่างกายสุดฮิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการ สัก เจาะจมูก ลิ้น และอื่นๆ

ทว่า แฟชั่นเหล่านี้ยังคงได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ชื่นชอบ ล่าสุดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนังได้ออกมาเตือนรอบใหม่อีก รวมไปถึงแฟชั่นเพนท์สีบนลำตัว ตัดต่อเล็บ ต่อขนตาและต่อผม ว่า นอกจากจะทำให้แพ้สารเคมีอันตรายทำผิวหนังอักเสบ หรือโรคอื่นๆแล้ว บางรายอาจถึงขั้นติดเชื้อร้ายต่างๆได้อีก             

ก่อนหน้านี้ เคยมีทีมวิจัยของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) เตือนว่า หากไปสักร่างกายกับผู้ที่ไม่ใช่มืออาชีพ อาจเสี่ยงติดเชื้อโรคร้ายมาได้ เช่น ไวรัสตับอักเสบ C จากน้ำหมึกที่ใช้ในการสัก ซึ่งจะทำให้เกิดอาการตับอักเสบเรื้อรัง และนำไปสู่โรคตับแข็งและมะเร็งตับได้ในที่สุด 

นอกจากนี้ ยังเคยรายงานข้อสันนิษฐานว่า นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์จากการสักลายบนร่างกาย 

ล่าสุด ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประธานประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ได้ออกมาเตือนอีกครั้งว่า แฟชั่นเกี่ยวกับการเจาะ สัก เพนท์ หรือการต่อ ส่วนต่างๆ ทั้งที่เป็นขนตา ต่อเล็บ และต่อเส้นผม ที่กำลังเป็นที่นิยมทั้งในไทยและต่างประเทศ แฝงไปด้วยอันตรายอย่างที่เราคาดไม่ถึงได้

มาดูกันว่า แฟชั่นเหล่านี้มีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง

การสัก มีเป้าหมายหลายอย่าง เช่น เพื่อเป็นสัญลักษณ์บางอย่าง ทำเพราะความเชื่อ ตามแฟชั่น หรือเพื่อปิดจุดบกพร่อง หรือความสวยงาม อย่างสักคิ้ว ขอบตา ขอบปาก สักปิดรอยแผลเป็น ซึ่งมีทั้งที่สักด้วยมือและใช้เครื่องมีมอร์เตอร์ ซึ่งจะทำให้สีเสมอกันมากกว่า การสักในบางพื้นที่ เช่น ขอบตา อาจทำให้เยื่อบุตาขาวอักเสบ หรือเป็นอันตรายถ้าสารหรือสีเข้าไปโดนตาดำอาจทำให้ถึงตาบอดได้
 

การเจาะ เช่น การเจาะหู สะดือ ลิ้น หน้า อวัยวะเพศ หัวนม อาจทำให้ติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เป็นฝี หนอง โรคบาดทะยัก วัณโรค ผิวหนัง ตับอักเสบ ซิฟิลิส เอดส์ หรือเกิดอาการแพ้ได้ เช่น แพ้โลหะ ที่ใช้เจาะใส่ เช่น แพ้นิเกิล แพ้สีที่ใช้สัก  บางคนอาจเกิดแผลเป็น หรือเกิดอาการกำเริบของโรคผิวหนังที่มีอยู่ก่อน เช่น สะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ 

นอกจากนี้ การสักหรือเจาะยังเป็นสิ่งต้องห้าม หรือห้ามทำกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่างด้วย คือ โรคโลหิตออกไม่หยุดที่เรียกว่า "ฮีโมฟีเลีย" และโรคลิ้นหัวใจพิการ โรคผิวหนังแพ้และพุพอง รวมถึงผู้ที่มีประวัติแพ้เครื่องประดับ คือ แพ้โลหะนิกเกิล หรือผู้ที่เกิดแผลเป็นนูนโต ที่เรียกว่าคีลอยด์ง่าย   

การเพนท์ ทำให้เสี่ยงแพ้สารเคมี ที่ผสมอยู่ในสี henna paint ได้แก่ สาร paraphenylenediamine (PPD) ซึ่งเป็นสารที่ใช้ย้อมผมดำ ที่ทำให้เกิดการแพ้ได้

การต่อขนตา ทำให้เสี่ยงระคายเคืองจากกาว การแพ้กาว และการติดเชื้อยังมีส่วนทำให้ขนตาจริงร่วงได้อีก

การต่อผม คนที่แพ้กาวอยู่แล้ว จะมีอาการหนังศีรษะอักเสบได้ 

ส่วนการต่อเล็บหรือการเพนท์เล็บ จะทำให้เล็บไม่แข็งแรงผิวสีของเล็บเปลี่ยนไป ผิวเล็บไม่เรียบ อาจมีอาการแพ้ในบางรายและเกิดอาการติดเชื้อได้