\นายศักรภพน์ ธีวรากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิออน อินชัวรันส์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ธุรกิจนายหน้าประกันภัยในเครือ บมจ. อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายเติบโตธุรกิจด้านนายหน้าประกันชีวิตและประกันวินาศภัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้จะสามารถขายประกันได้เบี้ยรวมกว่า 2,150 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 20%
ด้วยเป้าหมายดังกล่าวเชื่อมั่นว่าจะทำให้บริษัทสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนายหน้าประกันภัยที่มียอดขายมากที่สุดติดท็อป 5 ของตลาด จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณอันดับ 8
สำหรับกลยุทธ์ที่จะเติบโตไปสู่เป้าหมายดังกล่าว นอกจากความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นบริษัทประกันชีวิตและประกันวินาศภัยที่เป็นพันธมิตรกว่า 20 แห่ง ซึ่งทำให้มีแบบประกันต่างๆ ที่หลากหลายมานำเสนอลูกค้าแล้ว บริษัทยังมีจุดแข็งด้านเครือข่ายฐานลูกค้าในเครือธุรกิจของอิออนฯ กว่า 6 ล้านราย แม้จะเข้ามาทำตลาดได้ถึง 8 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีลูกค้าอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้เข้าไปทำตลาด ขณะเดียวกันบริษัทก็จะขยายตลาดออกไปสู่กลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ที่นอกเหนือจากลูกค้าอิออนฯ ด้วย
นอกจากนี้ บริษัทดังกล่าวเกิดขึ้นจากการรวม 2 บริษัทนายหน้าประกันภัยในเครือเข้าเป็นบริษัทเดียวกัน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการปฏิบัติงานลงได้ประมาณ 15% ก็จะทำให้มีความสามารถบริการลูกค้าได้มากขึ้น เช่น บริการแบ่งชำระค่าเบี้ยเป็นรายเดือนผ่านบัตรเครดิตได้ดอกเบี้ย 0% นานสูงสุด 10 เดือน ส่วนลดสำหรับซื้อประกันภัยด้วยเงินสด ก็จะทำให้บริษัทสามารถอุดหนุนต้นทุนดอกเบี้ยได้มากขึ้น
เขากล่าวอีกว่า บริษัทยังได้ลงทุนพัฒนาระบบการขายให้พัฒนาและเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้ารุ่นใหม่ๆ มากขึ้น ล่าสุดได้ออกแอพลิเคชั่นบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เพื่อเป็นช่องทางการให้ข้อมูล แนะนำประกันภัย และเปรียบเทียบราคาเบี้ยประกันจากแต่ละบริษัทให้ลูกค้าเลือกความคุ้มครอง เงื่อนไข และเบี้ยประกันได้ดังใจ รวมถึงสามารถซื้อผ่านระบบและชำระเงินเพื่อเริ่มความคุ้มครองทั้งหมดนี้ได้ด้วยตนเองอีกด้วย ซึ่งเป็นบริษัทนายหน้าประกันภัยรายแรกในประเทศที่มีแอพลิเคชั่นการขายประกันผ่านสมาร์ทโฟน
"ตลาดนี้เป็นอีกตลาดหนึ่งที่แข่งขันหนัก และจะเห็นได้ว่าธุรกิจนายหน้าที่เป็นรายย่อยจะเริ่มอยู่และแข่งขันได้ยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอนนี้จะเห็นธุรกิจรายใหญ่ๆ เข้ามาเล่นในตลาดนี้เองกันเป็นจำนวนมากแล้ว จึงมีความได้เปรียบด้านการแข่งขันที่เหนือกว่า"
สำหรับทิศทางตลาดประกันภัยในครึ่งปีหลังที่ปัจจัยสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวลง บวกกับผลกระทบที่ต่อเนื่องไปยังกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอลงตามด้วยนั้น นายศักรภพน์ เชื่อมั่นว่าจะไม่กระทบต่อการซื้อประกันภัยมากนัก เพียงลักษณะการซื้ออาจลดวงเงินการซื้อลงและมองหาวิธีการซื้อที่คุ้มค่ามากขึ้น เช่น จากที่เคยซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ซึ่งค่าเบี้ยประกันหลัก 1-2 หมื่นบาทนั้น ก็อาจจะปรับลงมาซื้อแบบ 2 พลัส หรือ 3 พลัสแทน ซึ่งค่าเบี้ยถูกลงเหลือไม่ถึงหมื่นบาท เป็นต้น
ขณะเดียวกัน รูปแบบการซื้อผ่านนายหน้า ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกช่องทางแบ่งชำระได้ หรือมีส่วนลด ก็เป็นช่องทางการลดภาระการซื้อประกันภัยที่เคยต้องจ่ายเงินเป็นก้อนเท่านั้น ทั้งสามารถเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครองได้เองด้วย น่าจะเป็นอีกทางเลือกให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น รวมถึงผลจากภาวะเศรษฐกิจจะไม่มากระทบมากนัก
ข่าวเด่น