"ไทยซัมซุง"ชูจุดแข็งสินค้าการันตี จ่ายผลตอบแทนเฉลี่ย 4% เอาใจลูกค้าไม่หวั่นเศรษฐกิจผันผวน สู้เทรนด์ตลาดแข่งเดือด เล็งออกสัญญาเพิ่มเติมสำหรับทำศัลยกรรมความงามในเกาหลี ดีลแพ็คเกจร่วมกับ "Medical Center "ของซัมซุงในเกาหลี
นายบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยซัมซุง ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากการปรับนโยบายการทำธุรกิจของบริษัทตั้งแต่่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว จากเดิมที่ยอดขายส่วนใหญ่จะมาจากประกันกลุ่ม ซึ่งทำกำไรได้ยาก จึงหันมามุ่งการขายประกันชีวิตผ่านช่องทางบุคคล (Individual Life) ทำให้ล่าสุดบริษัทเริ่มกลับมามีอัตราการเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากขึ้น ทำให้ผลงานในช่วง 5 เดือนแรกมีเบี้ยเติบโตขึ้นถึง 35% เทียบกับตลาดที่เติบโตเฉลี่ย 19% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การปรับนโยบายดังกล่าวทำให้บริษัทหันมาโฟกัสในสินค้าสำหรับทำตลาดรายบุคคลมากขึ้น โดยเฉพาะจุดแข็งด้านสินค้าประกันชีวิตแบบการันตีผลตอบแทน ซึ่งถือว่าให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงเฉลี่ยประมาณ 4% จึงเป็นความแตกต่างที่ชัดเจน ในขณะที่หลายๆ บริษัทพยายามหันมาขายสินค้าแบบการันตีบางส่วนและจ่ายเงินปันผลแทน
"กลยุทธ์สินค้าแบบการันตีนี้เป็นตัวตอกย้ำว่าการบริหารพอร์ตการลงทุนของเราต้องมีวินัยมากๆ ผลตอบแทนการลงทุนโดยเฉลี่ยของเราอยู่ที่ 4.4-4.5% ซึ่งการขายสินค้าแบบนี้เราไม่มีสิทธิ์อ้างกับลูกค้าว่า ปีนี้ผลตอบแทนไม่ดี ปันผลจะน้อยหน่อย จะไม่เท่ากับปีที่ผ่านๆ มา แต่ลูกค้าจะมั่นใจได้ว่าเขาจะได้รับผลตอบแทนที่ชัดเจนและแน่นอน ไม่ว่าจะแบบออมทรัพย์หรือคุ้มครองก็ตาม เพราะประกันชีวิตคือการบริหารความเสี่ยง ทำเรื่องที่ไม่แน่นอน ให้มันแน่นอน"
นอกจากจุดแข็งด้านแบบประกันที่การันตีผลตอบแทนให้ลูกค้าอุ่นใจแล้ว การออกสัญญาเพิ่มเติมแนบท้ายกรมธรรม์ (rider) ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัท ที่จะใช้ทำตลาดในระยะต่อไป แม้ว่าปัจจุบันจะถือว่ามีค่อนข้างครบ ทั้งสัญญาผลประโยชน์ด้านสุขภาพ โรคร้ายแรง และอุบัติเหตุ แต่ในแง่การแข่งขันแล้วก็คงต้องพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ออกมาต่อเนื่อง เพื่อสร้างจุดแข็งที่แตกต่างจากในตลาดเช่นกัน
เขากล่าวอีกว่า ความได้เปรียบของไทยซัมซุงฯ อยู่ที่การเป็นบริษัทลูกของซัมซุงไลฟ์ ซึ่งเป็นธุรกิจประกันชีวิตรายใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ จึงมีรูปแบบสินค้าในต่างประเทศที่พัฒนาไปมากพอสมควร และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในตลาดประเทศไทยได้จำนวนมาก ซึ่งก็ต้องทยอยนำเข้ามาศึกษาและปรับใช้ให้เข้ากับตลาดผู้บริโภคคนไทย ส่วนเรื่องแบรนด์นั้นถือว่าไม่น่ากังวลมาก เพราะแบรนด์ "ซัมซุง" เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว ซึ่งเป็นแบรนด์ธุรกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในโลก
"ซัมซุงไลฟ์ค่อนข้างเก่งเรื่องการออกสัญญาเพิ่มเติม เราก็สามารถหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นจุดขายในการทำตลาดต่อไปได้ สามารถใช้เป็นกลยุทธ์สำหรับเจาะตลาดเฉพาะ (Niche Market) ได้มากขึ้น เช่น เราสนใจอยู่ว่าอาจนำกระแสวัฒนธรรม K-Pop มาใช้ให้เป็นประโยชน์ อาจจะออกสัญญาเพิ่มเติมสำหรับทำศัลยกรรมเสริมความงามในเกาหลี โดยดีลแพ็คเกจร่วมกับ Medical Center ของซัมซุงในเกาหลีเลย ซึ่งเป็นศูนย์ศัลยกรรมที่ดังมากในเกาหลี เรื่องนี้เราก็กำลังศึกษาอยู่ เพราะต้องวิเคราะห์ตลาดให้ละเอียดเหมือนกัน"
สำหรับเป้าหมายในระยะต่อไปนั้น นายบัณฑิตกล่าวว่า ภายในสิ้นปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่จะสร้างเบี้ย 1,275 ล้านบาท เติบโต 42% โดยยังมุ่งเน้นตลาดประกันชีวิตผ่านช่องทางบุคคลเป็นหลัก และภายในแผน 3 ปีข้างหน้า คือในปี 2559 บริษัทจะสามารถไปถึงจุดคุ้มทุนได้ โดยคาดว่าจะมีจำนวนกรมธรรม์ไม่น้อยกว่า 3 แสนราย ซึ่งอยู่ในระดับที่สามารถเฉลี่ยต้นทุนได้ และทำให้สามารถถึงจุดคุ้มทุน
ในระหว่างทางดังกล่าว บริษัทมีแผนจะต้องใส่เงินเพิ่มทุนเป็นระยะอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโต จากปัจจุบันที่มีทุนจดทะเบียน 1,500 ล้านบาท
ข่าวเด่น