จากยอดขายที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องของนาฬิกา คาสิโอ จีช็อค นาฬิกาสปอร์ตแฟชั่นสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้กำลังโด่งดังไปทั่วโลก เนื่องจากมีการนำสินค้าเข้าไปทำตลาดกว่า 80 ประเทศทั่วโลก แต่ตลาดใหญ่ ซึ่งให้ความนิยมนาฬิกาแบรนด์ดังกล่าวมากที่สุดมีด้วยการ 2 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น เจ้าของแบรนด์ และอเมริกา ประเทศมหาอำนาจ
ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี ที่ "นาฬิกาคาสิโอ จี ช็อค" ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อทำตลาดนาฬิกาสปอร์ตแฟชั่น ทุกอย่างมากพร้อมความท้าทาย และเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด นายคิคุโอะ อิเบะ วิศวกรชาวญี่ปุ่น จึงต้องคิดค้นหาวิธีผลิตนาฬิกา จี ช็อค ที่มีคุณสมบัติพิเศษเข้ามาทำตลาด และในที่สุดก็ได้แรงบันดาลภายหลัง จากนาฬิกาของเขาหล่นลงบนพื้นแล้วเสียหาย ทำให้เขามุ่งมั่นที่จะคิดค้นนาฬิกาที่ทนในหลายสภาพ ไม่ว่าจะเป็นการกระแทกจากการตกลงบนพื้นได้ 10 เมตร กันน้ำได้ 10 แรงดันบาร์ หรือการมีแบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานถึง10 ปี
นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีแบบโซล่าเซลส์ที่นำมาใส่ไว้ในนาฬิกาคาสิโอ จากคุณสมบัติพิเศษดังกล่าวส่งผลให้ในแต่ละปี คาสิโอ มียอดขาย จี ช็อค ใน 80 ประเทศเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งจากผลการตอบรับที่ดีดังกล่าว ส่งผลให้ปัจจุบันนาฬิกาจีช็อค กลายเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่คอยหล่อเลี้ยง คาสิโอ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายคิคุโอะ อิเบะ วิศวกรชาวญี่ปุ่นผู้คิดค้นนาฬิกาจีช็อค กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวนาฬิกาจีช็อค เข้าไปทำตลาดในอเมริกาได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นาน นาฬิกาจีช็อค ก็กลับมาโด่งดังในญี่ปุ่น เนื่องจากการผลิตนาฬิกาจีช็อค รุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำตลาด ยังคงเน้นที่ความทนทาน และตกไม่แตกเป็นหัวใจสำคัญ
สำหรับยอดขายนาฬิกาคาสิโอ ในประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีการเติบโตรวดเร็วที่สุดในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา สังเกตได้จากยอดขายในปี 2554 ที่ผ่านมา คาสิโอ มียอดขายมากถึง 300,000 เรือน และเพิ่มเป็น 500,000 เรือนในปี 2555 ส่งผลให้ไทยก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มียอดขายสูงสุดติดอันดับ 1 ใน 10 ของจำนวนกว่า 80 ประเทศที่คาสิโอทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน
นางเยาวลักษณ์ กิจทวีสินพูน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดแผนกสินค้าพิเศษ บริษัท เซ็นทรัลมาร์เก็ต ติ้ง จำกัด หรือ ซีเอ็มจี ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นาฬิกาคาสิโอ กล่าวว่า เป้าหมายยอดขายของนาฬิกาคาสิโอในปีนี้ บริษัทวางไว้ที่ประมาณ 800,000 เรือน โดยขณะนี้บริษัมียอดขายใน 2 ไตรมาส รวมกว่า 50% ของเป้าหมาย ทำให้มั่นใจว่า สิ้นปีจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
กลยุทธ์ที่ "ซีเอ็มจี" จะนำมาใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายในช่วงครึ่งปีหลัง คือ การเปิดตัวสินค้าไลน์ใหม่เข้ามาทำตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าลิมิเต็ดอิดิชั่น เพื่อสร้างตลาดจากแฟนพันธุ์แท้ เช่น นักสะสม ให้เข้ามาซื้อสินค้า ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้ ซีเอ็มจี สามารถขยายตลาดนาฬิกาคาสิโอได้อย่างรวดเร็ว
ตลาดต่างจังหวัดเป็นอีกหนึ่งตลาด ที่ ซีเอ็มจี จะหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นในปีนี้ โดยกลยุทธที่ ซีเอ็มจี จะนำมาใช้ในการขยายฐานลูกค้าต่างจังหวัด คือ การเปิดร้านที่ผนวกเข้ากับร้านค้าต่างจังหวัด ซึ่งหลังจากทดลองใช้กลยุทธ์ดังกล่าว ปรากฎว่าได้ผลการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
นางเยวลักษณ์ กล่าวว่า ภาพรวมยอดขายของคาสิโอในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 50% ถือเป็นการเติบโตในทิศทางเดียวกับภาพรวมตลาดโลก เนื่องจากมีราคาขายที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ คือ เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4,000-6,900 บาท ซึ่งจากยอดขายที่เติบโตสูง ทำให้ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 3 ของภูมิภาคอาเซียน ที่มียอดขายดีรองจากสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
ปัจจัยที่ส่งผลให้นาฬิกาคาสิโอ มียอดขายเติบโตสูงต่อเนื่อง นอกจากจะมีการเปิดตัวสินค้า และทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องแล้ว การที่ราคานาฬิกาคาสิโอ มียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4,000-6,900 บาทต่อเรือน ซึ่งถือเป็นราคาที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คาสิโอมียอดขายเติบโตดี แม้ว่าขณะนี้ผู้บริโภคจะมีกำลังซื้อที่ชะลอตัวไปบ้างกับบางกลุ่มสินค้า แต่นางเยาวลักษณ์ กล่าวว่า ตลาดนาฬิกายังไม่ได้รับผลกระทบ เพราะปัจจุบันผู้บริโภคมองนาฬิกาเป็นเครื่องประดับอย่างหนึ่ง และบางรายซื้อเพื่อการลงทุน
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ นางเยาวลักษณ์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวนาฬิกาแบรนด์ใหม่เข้ามาทำตลาดอีกประมาณ 2 แบรนด์ จากปัจจุบันมีอยู่ 4-5 แบรนด์ เช่น คาสิโอ ,ไอซ์วอทช์ ,เกส อีดีเฟียส และคอนเวอร์ส เป็นต้น
นอกจากนี้ ในแต่ละแบรนด์ยังจะมีการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดทุกเดือน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า โดยเฉพาะแบรนด์คาสิโอ จีช็อค ในปีนี้จะออกมาทำตลาดผ่าน 4 กลยุทธหลัก คือ กีฬา ศิลปะ แฟชั่น และดนตรี ด้วยการดึง 4 บุคคลชื่อดัง ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้ทรงอิทธิพลในด้านของความคิดมาเป็นตัวแทนสินค้าในแต่ละกลุ่ม
เริ่มต้นด้วย "ภาคภูมิ ภู่สอาด" แชมป์ บี เอ็ม เอ็กซ์แฟลตแลน เป็นตัวแทนสินค้าในด้านของกีฬา ตามด้วยอาร์ตติสชื่อดังอย่าง "ซันเต๋อ ยศนันท์ วุฒิกรสมบัติกุล" เป็นตัวแทนในด้านของศิลปะ "จิรัฏฐ์ พรพนิตพันธุ์" บก. นิตยสาร Cheeze เป็นตัวแทนในด้านของแฟชั่น และ "ดีเจ มาฟไซ" แห่งค่ายสุดแรงม้าแผ่นเสียง เป็นตัวแทนในด้านของดนตรี
ปัจจุบัน คาสิโอ จีช็อค มีช่องทางจำหน่ายภายในดีพาร์ทเมนท์สโตร์ทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมี จี-แฟคทอรี่ หรือร้านจำหน่ายนาฬิกาคาสิโอ จีช็อค เปิดให้บริการอีก 6 สาขา ประกอบด้วย ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าดิจิตอลเกตเวย์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า พระราม 9 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า แจ้งวัฒนะ และศูนย์การค้าพาราไดซ์พาร์ค
จากยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซีเอ็มจี คาดว่าสิ้นปีนี้ประเทศไทยอาจก้าวสู่ระดับท็อป 5 ของโลก จากปัจจุบันติดอันดับ 1 ใน 10 เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยยังอยู่ในระดับดีและไม่มีปัจจัยน่าเป็นห่วง
สำหรับภาพรวมรายได้นาฬิกาในสิ้นปีนี้ ซีเอ็มจี คาดว่าจะมียอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% เช่นเดียวกับช่วงครึ่งปีแรก โดยแบรนด์ที่ทำรายได้ให้สูงสุด 60-70% คือ คาสิโอ ส่วนที่เหลืออีก 30-40% มาจากแบรนด์ไอซ์วอทช์ ,เกส และคอนเวอร์ส เป็นต้น
นายอาคิโอะ โอตะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คาสิโอ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวปิดท้ายว่า ทุกวันนี้ยอดขายนาฬิกาจี ช็อค เป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ของนาฬิกาคาสิโอ เนื่องจากมีกลยุทธ์ในการทำตลาด คือ การสร้างแบรนด์ผ่านตัวสินค้าในด้านของความคงทน ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของนาฬิกาจี ช็อค
นอกจากนี้ การร่วมมือกับแบรนด์ชื่อดังหรือดีไซเนอร์ เพื่อครีเอทลิมิเต็ทอิดิชั่นให้มีสินค้าหลากสไตล์ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของการทำตลาด โดยในแต่ละปีจะมีสินค้าลิมิเต็ดเอดิชั่นเข้าทำตลาดแล้วกว่า 10 รุ่น และที่สาคัญที่สุด คือ การสร้างประสบการณ์ผ่านกิจกรรมทางการตลาด อย่าง ‘ช็อค เดอะ เวิลด์’ ที่ประสบความสาเร็จมาแล้วทั่วโลก ซึ่งส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คือ คนไทยเป็นชาติที่ให้ความสาคัญกับเรื่องแฟชั่นเป็นอย่างมาก ดังนั้น นาฬิการุ่นที่ส่งมาขายในประเทศไทย ส่วนมากเป็นนาฬิกาที่มีสีสันสามารถมิกซ์แอนด์ แมทช์ กับแฟชั่นในแต่ละสไตล์ได้อย่างลงตัว
ข่าวเด่น