นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย หรือทีเอ็มบี เปิดเผยว่า สถานการณ์ด้านความผันผวนในตลาดเงินตลาดทุนระหว่างประเทศที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงทิศทางเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวไปพอสมควรนั้น จะเป็นประเด็นสำคัญที่กระทบต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของไทยให้ชะลอตัวลง ซึ่งหมายถึงผลกระทบที่ย่อมส่งต่อความต้องการสินเชื่อของภาคธุรกิจด้วยเช่นกัน
ในสถานการณ์เช่นนี้ธนาคารที่พึ่งสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่มากๆ น่าจะได้รับผลกระทบ ซึ่งในมุมของทีเอ็มบีเองก็พยายามปรับพอร์ตเพื่อกระจายความเสี่ยงให้เหมาะสมมากขึ้นตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เพื่อพยายามขยายพอร์ตสินเชื่อลูกค้ารายย่อยและเอสเอ็มอีให้เพิ่มขึ้นมาเฉลี่ยน้ำหนักกับสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ที่เป็นพอร์ตใหญ่ของทีเอ็มบีมาแต่เดิม
ปัจจุบันธนาคารมีพอร์ตสินเชื่อธุรกิจอยู่ 45% เอสเอ็มอี 33% และรายย่อยอีก 22% แต่พอร์ตที่ธนาคารอยากให้เป็นก็น่าจะขยับไปเป็น 40-30-30 หรือ 40-35-35 ซึ่งน่าจะได้เห็นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อเฉลี่ยน้ำหนักของพอร์ตกันให้เหมาะสมมากขึ้น ไม่ว่าเกิดปัจจัยกระทบต่อพอร์ตใดก็จะถูกกระทบต่อพอร์ตสินเชื่อของธนาคารมากนัก
"การปรับพอร์ตไปสู่เป้าหมายดังกล่าวก็ต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะต้องระมัดระวังเรื่องคุณภาพสินเชื่อควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะตลาดรายย่อยที่ต้องระมัดระวังปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวขึ้นมาสูงในช่วงที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจสินเชื่อเอสเอ็มอีก็จะเห็นว่าหลายธนาคารขยับเข้ามาแข่งขันกันมากขึ้น แต่ก็ยังมีช่องว่างในตลาดอีกเยอะ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีรายย่อยซึ่งที่ผ่านมาเป็นกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงเงินทุน จึงเป็นโอกาสการทำตลาดของธนาคารได้เช่นกัน"
เขากล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตลาดแข่งขันเรื่องสินเชื่อกันหนัก โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ ซึ่งตัดราคากันค่อนข้างหนัก ทำให้หลายธนาคารหันมารุกตลาดสินเชื่อธุรกิจที่ยังมีโอกาสเติบโต ซึ่งก็คือ เอสเอ็มอี โดยเฉพาะรายเล็กทำให้รายได้ค่อนข้างดี ส่วนต่างดอกเบี้ยจึงออกมาค่อนข้างสูง แต่การโตสินเชื่อก็จะช้า เพราะวงเงินปล่อยสินเชื่อเฉลี่ยต่อรายไม่ได้สูงมากนัก
สำหรับแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ เขากล่าวว่า ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตสินเชื่อปีนี้ไว้ที่ 10% ตามเดิม แม้ว่าครึ่งปีแรกสินเชื่อขยายตัวเฉลี่ย 1-2% ซึ่งเติบโตได้ค่อนข้างช้านั้น เนื่องจากธนาคารพยายามปรับพอร์ตให้ลดน้ำหนักจากสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่มาเน้นสินเชื่อเอสเอ็มอีรายเล็กที่ให้อัตราผลตอบแทนที่สูงและตลาดยังแข่งขันไม่รุนแรง ขณะที่ครึ่งปีหลังยังมั่นใจว่าน่าจะเริ่มเห็นโครงการภาครัฐเริ่มออกมาในปลายปี ก็น่าจะเป็นแรงผลักดันให้ความต้องการสินเชื่อขยายตัวขึ้นด้วย
ข่าวเด่น