นายมนูญรัตน์ เลิศโกมลสุข กรรมการผู้จัดการคนใหม่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) กล่าวถึง แนวทางการทำงานภายหลังรับตำแหน่ง ซึ่งมีผลวันที่ 17 ก.ค.ว่า
งานเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการทันทีเนื่องจากปีนี้เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งปี จะยึดเป้าหมายตามแผนฟื้นฟูที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบเป็นหลัก คือ ต้องเข้าไปดูแลลูกค้าทุกรายอย่างใกล้ชิด รายไหนเริ่มสะดุดต้องรีบเข้าไปช่วยก่อนจะเป็นหนี้เสีย ส่วนรายไหนเป็นลูกค้าชั้นดีต้องการเพิ่มวงเงินก็ต้องรีบดำเนินการ ในส่วนของสินเชื่อรายใหม่ให้เร่งปล่อยทั้งรายย่อยและรายกลาง โดยจะปรับปรุงกระบวนการอนุมัติให้เร็วขึ้น
ขณะเดียวกันหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ NPLs จะให้โอกาสเต็มที่กับลูกค้าที่มาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ หากไม่มาก็จำเป็นต้องใช้มาตรการทางกฎหมายตามขั้นตอน ซึ่งหลังจากนี้ประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังจากคุยกับผู้บริหารและพนักงานทุกระดับ รวมถึงสหภาพแรงงานแล้ว จะแถลงข่าวรายละเอียดแผนปฏิบัติทั้งหมดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
"ทางคณะกรรมการธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนผมอย่างเต็มที่ เพื่อให้การบริหารจัดการเกิดผลเร็วที่สุด "นายมนูญรัตน์กล่าว
เอ็มดีใหม่เอสเอ็มอีแบงก์ ยังระบุว่า จากประสบการณ์ที่คลุกคลีในแวดวงการเงินมากกว่า 20 ปีทั้งในองค์กรระดับสากล และยังมีประสบการณ์เข้าไปฟื้นฟูแก้ปัญหากับหน่วยงานภาครัฐ ทำให้มั่นใจว่า จะสามารถช่วย เอสเอ็มอีแบงก์ ให้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูของธนาคาร และบรรลุเป้าหมายได้ เพื่อพลิกฟื้นธนาคารแห่งนี้ให้กลับมาแข็งแกร่ง เป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลในการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม(SMEs) ต่อไป
ทั้งนี้ ก่อนเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ เอสเอ็มอีแบงก์ นายมนูญรัตน์ ได้รับคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการสรรหา โดยนายมนูญรัตน์ เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และมีบทบาทแผนฟื้นฟูกิจการของ อ.ต.ก. โดยหลังจากรับตำแหน่งต้องนำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการต่อคณะกรรมการธนาคารภายในเวลา 1 เดือน จากนั้นจะมีการประเมินผลการทำงานใน 3 เดือนแรกที่รับตำแหน่ง และประเมินต่อเนื่องทุก 6 เดือน
ข่าวเด่น