ซิตี้ เปิดเผยแนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง 2556 โดยยังคงเน้นเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก แม้จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ซิตี้มองว่าตลาดหุ้นมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าสินทรัพย์อื่นๆ ในช่วงครึ่งปีหลัง และคาดว่าผลกำไรของบริษัทน่าจะเพิ่มขึ้น
นายฮาเรน ชาห์ ผู้อำนวยการและนักกลยุทธ์การลงทุนอาวุโส บริการบริหารความมั่งคั่ง ซิตี้เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “ตอนนี้เราพูดได้ว่ามีการคาดหมายต่างๆ เกี่ยวกับสภาวะตลาดครึ่งปีหลังว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากดูจากภาวะตลาดการเงินทั่วโลกที่มีผลตอบแทนที่ดีกว่าที่เราเคยคาดการณ์ไว้สำหรับปีนี้
“ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ดี เห็นจากการที่ MSCI World Index ตั้งแต่ต้นปี จนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม ปรับตัวขึ้น 9% การปรับตัวขึ้นที่ดีที่สุดเกิดขึ้นในตลาดที่พัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ตลาดเกิดใหม่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่า” นายชาห์ กล่าว
เขากล่าวเสริมว่า นักวิเคราะห์ของซิตี้ ยังคงเน้นให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นด้วยเหตุผล 2 ประการ ด้วยกัน ประการที่ 1 ในขณะที่ราคาหุ้นไม่ได้ถูกแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาหลังจากเกิดวิกฤตทางการเงินหุ้นเหล่านั้นยังคงมีลักษณะที่มีผลตอบแทนต่อความเสี่ยงน่าสนใจมากกว่าการถือเงินสดหรือตราสารหนี้ ประการที่ 2 ผลกำไรของบริษัทอาจจะเปลี่ยนเป็นทิศทางขาขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะดีดตัวกลับในช่วงครึ่งปีหลัง
นายชาห์ ยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็มีมุมมองที่ดีต่อตลาดหุ้นในเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตอนเหนือ อาทิ ฮ่องกง เกาหลีและไต้หวัน ที่จะได้รับอิทธิพลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ในส่วนของการของลงทุนในตราสารหนี้นั้น เขาแนะให้ใช้กลยุทธ์ตั้งรับโดยให้ถือตราสารหนี้ที่มีคุณภาพดีหรือมีความเสี่ยงต่ำ
ซิตี้คาดการณ์ว่าปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2556 คือ สภาพคล่องทางการเงินที่ยังคงมีอยู่ในตลาด เห็นได้จากการที่ญี่ปุ่นพยายามที่จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจโดยการประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายทางการเงินครั้งใหญ่ ปัจจัยนี้ผนวกเข้ากับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในยุโรปและออสเตรเลีย ซึ่งเป็นการดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายดังที่สหรัฐได้ดำเนินการมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้มากขึ้นในระบบเศรษฐกิจ และนโยบายดังกล่าวน่าจะยังคงอยู่ต่อไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้ จากสภาพคล่องที่ยังคงมีอยู่ ซึ่งส่งผลให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอย่างหุ้น ยังคงให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้นายชาห์เชื่อว่านักลงทุนควรเลือกจัดพอร์ตการลงทุนแบบสมดุลในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยแนะให้ลดการถือเงินสดและตราสารหนี้ และหันไปถือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นแทน ทั้งนี้จะต้องไปลงทุนในตลาดที่มีสภาพคล่องสูง สินทรัพย์มีคุณภาพและกำไรของบริษัทเติบโต เป็นการเปลี่ยนจากยุทธศาสตร์เชิงรับมาเป็นเชิงรุก แต่ทั้งนี้ควรที่จะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางบวกด้วย เพื่อให้การบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทนเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้” นายชาห์ กล่าวสรุป
นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวต่อว่า ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย ได้เข้าเป็นสมาชิกของสมาคมนักวางแผนการเงินไทย (TFPA) ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการโปรแกรมให้การรับรองนักวิเคราะห์ทางการเงินที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทยในงานเดียว
“การตัดสินใจเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมนักวางแผนการเงินไทยในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งของซิตี้ ในประเทศไทยมากยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งยังช่วยพัฒนาขีดความสามารถ และมาตรฐานการประกอบวิชาชีพของพนักงานซิตี้ ให้เป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและสากล อันจะส่งผลให้เรามอบบริการวางแผนทางการเงินที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้าของเรา และการมีมาตรฐานการให้บริการที่เหนือระดับมากยิ่งขึ้น จะทำให้เจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาด้านการลงทุนของซิตี้ สามารถให้คำแนะนำที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าของเรา อันจะช่วยให้ลูกค้าเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากภาวะสภาพคล่องของตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้ได้ ” นางวีระอนงค์ กล่าว
ข่าวเด่น