"ทีเอ็มบี" ตั้งการ์ดสูง พร้อมรับมือครึ่งปีหลัง ไม่หวั่นเศรษกิจผันผวน ชูแผนบริหาร 3 กลยุทธ์ "ตั้งสำรองเพียงพอ-สร้างสมดุลพอร์ตสินเชื่อ-ตุนเงินกองทุน" มั่นใจเสริมภูมิคุ้มกันแบงก์แข็งแกร่ง
หลังการประกาศผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปีนี้ ที่ธนาคารทหารไทย หรือทีเอ็มบี ซึ่งมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนสำรองสูงขึ้นถึง 53% หรือคิดเป็นมูลค่า 7,137 ล้านบาท และตัดสินใจตั้งสำรองเพิ่มเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากวัฎจักรเศรษฐกิจไปถึง 4,676 ล้านบาท กระนั้นกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกก็ยังอยู่ที่ 2,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า การตั้งสำรองไว้ค่อนข้างสูงเพื่อเสริมความแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพของธนาคารนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะสำรองเพื่อรับเอ็นพีแอล หากแต่เป็นการเตรียมตั้งสำรองไว้รองรับกับความผันผวนในครึ่งปีหลังที่ประเมินแล้วว่ามีแนวโน้มจะเกิดความผันผวนค่อนข้างมาก และแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ทั้งในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ดีนักก็อาจจะตั้งสำรองเพิ่มขึ้นอีก
เขาบอกอีกว่า การตั้งสำรองครั้งนี้เป็นการบริหารแบบคู่ขนานกันไปทั้ง 3 ปัจจัย ซึ่งประกอบด้วย ปัจจัยแรก การตั้งสำรองให้ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ ทั้งการขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้นก็ต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้น รวมถึงปริมาณหนี้เอ็นพีแอลก็ต้องตั้งสำรองไว้รองรับเช่นกัน และควรต้องตั้งสำรองเผื่อไว้ให้เกินเกณฑ์จากหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดไว้
ปัจจัยต่อมา เป็นการบริหารพอร์ตสินเชื่อให้มีลักษณะกระจายตัว ไม่หนักไปที่พอร์ตใดพอร์ตหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายใต้แผน 5 ปีของทีเอ็มบีที่พยายามปรับสัดส่วนสินเชื่อให้สมดุลมากขึ้น ซึ่งได้ทำอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อรายใหญ่อยู่ 45% เอสเอ็มอี 35% และรายย่อยอีก 20% ในอนาคตอีก 2-3 ปีข้างหน้าก็จะพยายามปรับพอร์ตสินเชื่อแต่ละกลุ่มให้อยู่ในสัดส่วน 40-30-30 ตามลำดับ
สุดท้าย คือปัจจัยด้านการจัดสรรเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ให้เพียงพอและอยู่ในระดับที่มั่นใจได้ แม้เกณฑ์ขั้นต่ำที่ ธปท. กำหนดไว้จะอยู่ที่ 8.5% แต่ปัจจุบัน BIS Ratio ของทีเอ็มบีขยับขึ้นมาอยู่ที่ 16% ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจและเพียงพอให้ธนาคารมีความแข็งแกร่งเพียงพอจะรองรับกับคุณภาพสินเชื่อได้อย่างเต็มที่
"การบริหารตัวแปรทั้ง 3 ส่วนนี้เราคงต้องดูให้สอดคล้องกัน และทำให้แน่ใจว่าอยู่ในระดับที่พร้อมรับมือกับความผันผวนในอนาคต รวมถึงในกรณีที่เศรษฐกิจไทยมีทิศทางชะลอตัวลง"
ขณะที่แนวโน้มสินเชื่อช่วงครึ่งปีหลังที่ยังภาระหนักหลังจาก 6 เดือนแรกสินเชื่อขยายตัวเพียง 2.5% ห่างจากเป้าหมายขยายสินเชื่อ 10% อีกไกลนั้น นายบุญทักษ์กล่าวว่า เป้าหมายสินเชื่อในเวลานี้คงไม่ได้เป็นประเด็นหลักในการเติบโต แต่ธนาคารมองในภาพรวมการสร้างรายได้ และความสามารถทำกำไรมากกว่า ซึ่งนโยบายสำคัญในการบริหารตามเป้าหมายดังกล่าว ทีเอ็มบีถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดีโดยปรับตัวมาเน้นวิธีการนำเสนอบริการธุรกรรมทางการเงิน หรือ Transactional Banking ที่ตอบโจทย์ตรงกับความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า
"ผลงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ก็เป็นตัวสะท้อนที่ดี โดยภาพรวมแล้วธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากส่วนต่างดอกเบี้ยรับที่ดีขึ้นมาอยู่ที่ 2.97% จาก 2.59% ในปี 2555 ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 20.5% และอีกส่วนหนึ่งคือรายได้จากค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นสุทธิถึง 36.7% ซึ่งมาจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการที่ตรงใจลูกค้า นอกจากนี้ การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้นมาเพียง 4% เท่านั้น" นายบุญทักษ์กล่าว
ข่าวเด่น