เปิดตัวไปเรียบร้อยแล้วสำหรับศูนย์การค้าสาขาที่ 26 ของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น ซึ่งทำเลที่ ซีพีเอ็น ปักธงยึดหัวหาดเปิดตัวศูนย์การค้า คือ จังหวัดระยอง เนื่องจากมีฐานะทางเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจากกรุงเทพมหานคร โดยมีแหล่งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่มากถึง 19 แห่ง และมีโรงงานมากกว่า 1,900 แห่ง
นอกจากนี้ ยังมีอีสเทิร์นซีบอร์ด ที่เอื้อต่อการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและการคมนาคมขนส่ง โลจิสติกส์ มีมาบตาพุดเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหลัก และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เป็นฐานการผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก และยังเป็นเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเกษตรสำคัญของประเทศ จึงทำให้จังหวัดระยองกลายเป็นเกตเวย์แห่งภาคตะวันออก สู่กัมพูชา และเวียดนาม
ขณะเดียวกัน ในอนาคตยังจะได้รับประโยชน์จากโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-ชลบุรี-ระยอง ช่วยให้การเดินทางมีความสะดวกมากขึ้น จากปัจจุบันมีเส้นทางมอเตอร์เวย์สายชลบุรี-พัทยา-มาบตาพุด อาเซียนไฮเวย์ สาย R10 เส้นทางเลียบชายฝั่งด้านใต้ (Southern Coastal Corridor) ไทย (กรุงเทพฯ-ตราด)–กัมพูชา–เวียดนาม อำนวยความสะดวกในการเดินทางอยู่แล้ว
จากปัจจัยหนุนดังกล่าว จึงทำให้ซีพีเอ็นตัดสินใจปักธงยึดหัวหาดจังหวัดระยอง เป็นศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าในจังหวัดระยอง และจังหวัดใกล้เคียง เช่น จันทบุรี และ ฉะเชิงเทรา รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา
ในด้านของการลงทุน ซีพีเอ็นได้เตรียมงบไว้ประมาณ 3,200 ล้านบาท ในการก่อสร้างศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ระยอง โดยเดือน ส.ค.นี้จะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการประมาณปลายปี 2557 ซึ่งในส่วนของตัวศูนย์การค้าซีพีเอ็น ได้ยกจุดเด่นของจังหวัดระยองมาเป็นรูปแบบในการก่อสร้าง ภายใต้แนวคิดหลัก 3 แนวทาง คือ 1. Miracle Island หรือเกาะแก้วพิสดารแห่งอนาคต จะมีการดีไซน์ตัวอาคารให้เป็นเสมือนเกาะที่น่าค้นหา ซึ่ง Landscape โดยรอบได้แรงบันดาลใจมาจากลอนทราย และเกลียวคลื่นในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ การตกแต่งภายใน เน้นให้มีความแวววาวของคริสตัลในรูปแบบโมเดิร์น
2. Facade หรือประยุกต์เส้นสายการสานตะกร้าผลไม้ให้เป็นงานสถาปัตยกรรมร่วมสมัยสื่อถึงเอกลักษณ์ของระยอง ซึ่งเป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อด้านผลไม้ ตลอดจนประติมากรรมรูปผลไม้ เพื่อให้เป็นจุดพักผ่อนและจุดถ่ายรูป
3.บทกวี จะมีการสอดแทรกบทกวี และลายกราฟฟิกตัวละครจากเรื่องพระอภัยมณี ตามบริเวณต่างๆ ทั่วศูนย์การค้า
น.ส.วัลยา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ และบริหารโครงการก่อสร้าง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น กล่าวว่า การเปิดตัวศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซ่า ระยอง ถือเป็นการเติมเต็มให้กับแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในด้านของแผนแนวรับ เนื่องจากในปี 2558 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ซึ่งจะมีการหมุนเวียนในด้านของสังคมและวัฒนธรรม ดังนั้นบริษัทจึงต้องเติมเต็มช่องว่างให้ครบ เพื่อต้อนรับกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่จะเข้ามาใช้บริการ
สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของซีพีเอ็น นับจากนี้อีก 5 ปี ได้วางเป้าหมายไว้ว่าจะขยายศูนย์การค้าในในประเทศปีละไม่ต่ำกว่า 5 สาขา ฃจากปัจจุบันมีศูนย์การค้าเปิดให้บริการทั้งหมด 26 สาขา ซึ่งในส่วนของปีนี้หลังจากเปิดตัวสาขาระยอง ก็มีแผนที่จะเปิดตัวอีก 1 สาขา
ปัจจุบันซีพีเอ็นมีแบรนด์ศูนย์การค้าที่เปิดให้บริการทั้งหมด 3 แบรนด์ ประกอบด้วย ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งแต่ละแบรนด์จะมีหน้าที่ในการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไป โดยในส่วนของศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า จะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายทั่วไป
ขณะ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล จะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะเห็นได้ว่าแต่ละสาขาที่เข้าไปเปิดให้บริการจะตั้งอยู่ในเมืองแหล่งท่องเที่ยวหลัก เช่น พัทยา และเชียงใหม่ เป็นต้น ส่วนศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่สาขาเดียว เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ คนทำงาน และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม หลังจากซีพีเอ็นได้ออกมาเปิดตัว ศูนย์การค้า เซ็นทรัล พลาซ่า ระยอง ถือเป็นการเติมเต็มแผนการขยายฐานลูกค้าประเทศเพื่อนบ้านที่ครบทุกภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ อีสาน ใต้ หรือตะวันออก โดยในส่วนของภาคเหนือ มีสาขาในเชียงใหม่และเชียงราย ขยายฐานลูกค้าในประเทศลาวและพม่า ขณะที่ภาคอีสาน มีสาขาในอุดรธานี อุบลราชธานี และขอนแก่น ขยายฐานลูกค้าในประเทศลาวและเวียดนาม ภาคใต้ มีสาขา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขยายฐานลูกค้าในมาเลเซีย และล่าสุด สาขาระยอง ขยายฐานลูกค้าไปถึงประเทศกัมพูชา
น.ส. วัลยา กล่าวว่า การที่บริษัทหันมาให้ความสำคัญกับการขยายศูนย์การค้าในจังหวัดหัวเมืองมากขึ้น เพราะหลังจากเปิดเออีซีจะไม่มีเส้นกันเขตแดนระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะทำให้การค้าและการเดินทางไปมาระหว่างกันทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งหลังจากได้ทดลองเปิดศูนย์การค้าหัวเมืองในหลายจังหวัด พบว่า ได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าประเทศเพื่อนบ้าน
นอกจากจะเปิดแผนแนวรับแล้ว ซีพีเอ็นยังมีแผนที่จะเปิดแผนแนวรุก ด้วยการเข้าไปขยายศูนย์การค้าในประเทศเพื่อนบ้านร่วมกับพันธมิตรในประเทศนั้นๆ ซึ่งในเร็วๆนี้ ซีพีเอ็น ก็แย้มๆมาว่า มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการศูนย์การค้าในประเทศเพื่อนบ้านอย่างน้อย 1 แห่ง เพื่อทดลองแผนแนวรุก
จากแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ทำให้ซีพีเอ็นมั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 15% แม้ว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาประเทศไทยจะประสบกับปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนหันมาสังสรรค์และผ่อนคลายหลบฝน หลบร้อนมากขึ้น จึงทำให้ศูนย์การค้ากลายเป็นแหล่งนัดพบสำคัญของคนยุคนี้
ข่าวเด่น