หลังจากเปิดตัวน้ำอัดลมภายใต้แบรนด์ “เอส” เข้าทำตลาดมาเป็นระยะเวลา 8 เดือน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มอัดลมภายใต้แบรนด์เอส ก็ออกมาทำกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดบริษัท เสริมสุข ขอออกมาเปิดตัวกลยุทธสปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง เพื่อขยายฐานลูกค้าแฟนฟุตบอล ด้วยการเข้าทำงานร่วมกับสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ เพื่อผลักดันให้เครื่องดื่มอัดลมเอส เป็นที่รู้จักในระดับสากล หลังจากปัจจุบันประสบความสำเร็จกับตลาดในประเทศเป็นอย่างดี ด้วยการครองส่วนแบ่งการตลาดที่ 15% ในระยะเวลาเพียง 8 เดือน
นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเป็นพันธมิตรร่วมกับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ในครั้งนี้ ถือเป็นการผนึกกำลังกันสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับเครื่องดื่มอัดลมเอส เนื่องจากสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้เป็นสโมสรฟุตบอลชั้นแนวหน้าของประเทศอังกฤษ ที่มีตำนานความเป็นมายาวนานกว่า 133 ปี นับแต่ก่อตั้งในปี 2423 อีกทั้งเป็นสโมสรที่แข็งแกร่ง มีขุนพลนักเตะฟอร์มเยี่ยมจากทีมชาติชั้นนำมากมาย
จากเป้าหมายของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่ต้องการก้าวเป็น 1 ใน 4 สโมสรฟุตบอลยอดนิยมของโลก ด้วยกลยุทธ์ความสำเร็จทั้งในสนาม การบริหารงานที่เป็นเลิศ ควบคู่กับการดำเนินงานจากรายได้ของสโมสรฯ และความร่วมมือกับสุดยอดพันธมิตรทั่วโลก ซึ่งถือเป็นแนวทางเดียวกับบริษัท เสริมสุข จึงทำให้บริษัท เสริมสุข มั่นใจว่าการจับมือร่วมกันในครั้งนี้จะทำให้เครื่องดื่มอัดลมเอสเป็นที่รู้จักในตลาดระดับโลก
นายทอม กลิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการพาณิชย์และปฏิบัติการ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ กล่าวว่า แม้ว่าเครื่งอดื่มอัดลม “เอส” จะเป็นแบรนด์น้ำอัดลมน้องใหม่ แต่จากการที่เป็นที่มีศักยภาพสูง ด้วยการสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดในระยะเวลาที่รวดเร็ว เนื่องจากมีความโดดเด่นในด้านนวัตกรรม จึงทำให้มั่นใจว่าการจับมือร่วมกันดำเนินธุรกิจครั้งนี้จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นตลาดใหญ่สำหรับสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ การออกมาเปิดตัวเว็บไซต์สโมสรฯ ในเวอร์ชันภาษาไทยในเดือนก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองความต้องการของแฟนบอลชาวไทยนับล้านคนทั่วประเทศให้สามารถติดตามชมข่าวสารและข้อมูลความเคลื่อนไหวของสโมสรฯ จึงน่าจะได้รับความสนใจที่ดี
นอกจากจะมุ่งสร้างแบรนด์ในภูมิภาคยุโรปแล้ว เสริมสุขยังมีแผนที่จะนำเครื่องดื่มอัดลมเอส เข้าจำหน่ายในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทรายใหญ่หลายแห่งจากประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย พม่า ลาว และ กัมพูชา คาดว่าในเร็วๆ นี้ น่าจะได้ข้อสรุปพร้อมเข้าทำตลาด
สำหรับรูปแบบของการเข้าไปทำตลาดในประเทศดังกล่าว มีความเป็นไปได้ทั้งการตั้งตัวแทนจัดจำหน่าย การใช้เครือข่ายกระจายสินค้าของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และการใช้เครือข่ายกระจายสินค้าของบริษัท เฟรเซอร์แอนด์นิฟ หรือ เอฟแอนด์เอ็น ซึ่งเป็นพันธมิตรของบริษัท ไทยเบฟฯ
ในด้านของภาพรวมยอดขายเครื่องดื่มอัดลมเอสในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่เปิดตัวเข้าทำตลาดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 พ.ย.2555 ที่ผ่านมา ณ สิ้นเดือน มิ.ย.2556 มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดที่ประมาณ 15% ซึ่งทุกรสชาติที่เปิดตัวเข้าทำตลาดล้วนได้ผลการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น เอส โคล่า น้ำดำ และ เอสน้ำสี เช่น ส้ม ,สตรอเบอรี่ ,ครีมโซดา และ เลมอนไลม์
หลังจากทำแคมเปญฟุตบอลที่ใช้ชื่อว่า "แมน-เอส-เตอร์ ซิตี้" ร่วมกับสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ ด้วยการใช้งบกว่า 100 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญผ่านภาพยนตร์โฆษณาชุด "Stadium" ซึ่งถ่ายทำที่ประเทศอังกฤษ มีนักแสดงหลักอย่าง ซามีร์ นาสรี, แจ็ค รอดเวลล์, กาเอล คลิชชี่, และคาร์ลอส เตเบซ ออกอากาศ ขณะเดียวกันยังได้ส่งบรรจุภัณฑ์เอส โคล่า ลายแมน-เอส-เตอร์ ซิตี้ เข้าทำตลาด เสริมสุขมั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 20% ในตลาดรวมน้ำอัดลมกว่า 4 หมื่นล้านบาท
ด้านเครื่องดื่มอัดลมเป๊ปซี่ ก็ขอเกาะกระแสฟุตบอลฟีเวอร์ ด้วยการเซ็นสัญญาจับมือเป็นพันธมิตรต่อเนื่องกับสุดยอดสโมสรฟุตบอลระดับโลก ‘แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ พร้อมเปิดตัวแคมเปญ “PEPSI LIVE FOR NOW WITH MANCHESTER UNITED” เอาใจฐานแฟนบอลแมนยูชาวไทยกว่า 20 ล้านคนทั่วประเทศ
นายจา-กรูท โคเตชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้เปิดตัวโกลบอลแคมเปญ ‘LIVE FOR NOW - นาทีนี้ เต็มที่เลย’ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นคนรุ่นใหม่ทั่วโลกให้เปิดรับความท้าทายใหม่ๆ บริษัทจึงทำการต่อยอดแคมเปญดังกล่าวด้วยกีฬาฟุตบอลผ่านแคมเปญ “PEPSI LIVE FOR NOW WITH MANCHESTER UNITED” กีฬาที่คนไทยมีความชื่นชอบ
การเปิดตัวแคมเปญดังกล่าว ถือเป็นแคมเปญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีของเป๊ปซี่ ในการช่วยสร้างโอกาสทางการตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่น่าจับตา เนื่องจากความร่วมมือที่เกิดขึ้นดังกล่าว ถือเป็นการผนึกความยิ่งใหญ่ของทั้ง 2 แบรนด์ชั้นนำระดับโลก และภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว นอกจากจะมุ่งเน้นทำตลาดในประเทศไทยแล้ว ยังครอบคลุมไปถึงประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ พม่า กัมพูชา ลาว และบรูไน
นอกจากนี้ เป๊ปซี่ ยังได้แต่งตั้ง 3 พรีเซนเตอร์หนุ่มเนื้อหอมแห่งยุค อย่าง เจมส์ มาร์, เก้า – จิรายุ ละอองมณี และ เนตั้น – แดนอรุณ รามณรงค์ มาเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ชาวไทยที่ได้ร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ระดับโลก ผ่านการฟาดแข้งกับนักเตะขั้นเทพของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เช่น เนมันย่า วิดิช, ไรอัน กิ๊กส์, ไมเคิล คาร์ริก และ ชินจิ คากาวะ
หลังจากเปิดตัวแคมเปญ “PEPSI LIVE FOR NOW WITH MANCHESTER UNITED” เป๊ปซี่ เชื่อว่าจะสามารถสร้างประสบการณ์ร่วมที่น่าตื่นเต้นให้กับผู้บริโภคชาวไทยได้มากกว่าที่เคย โดยเฉพาะในช่วงเปิดฤดูกาลใหม่ล่าสุดของการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษประจำปี 2556 - 2557 ซึ่งรูปแบบของการทำตลาดเครื่องดื่มอัดลมเป๊ปซี่ ในช่วงเวลาดังกล่าว จะดำเนินการแบบ 360 องศา ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาผ่านสื่อกลางแจ้ง โรงภาพยนตร์ ออนไลน์ กิจกรรมประชาสัมพันธ์ ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการขายและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดกับคู่ค้า
จากกระแสฟุตบอลฟีเวอร์ที่แรงมากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เชื่อว่าก่อนเปิดฤดูกาลและช่วงฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษในปลายปีนี้ คงทำให้ตลาดน้ำดำกลับมาคึกคักอีกช่วงหนึ่ง
ข่าวเด่น