ในโลกความเป็นจริงไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีได้เกิดบนกองเงินกองทอง มีเงินหลายร้อยล้านให้ใช้สบายถึงบั้นปลายชีวิต หลายคนต้องเรียนอย่างหนัก ทำงานปากกัดตีนถีบ โดยหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีในวัยเกษียณ แต่แน่ใจหรือว่า วิธีของคุณได้ผล?
“สานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล” นักวิเคราะห์กองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ฟิลิป (ประเทศไทย) เล่าว่า ในช่วงที่ผ่านมาคนแม้คนไทยจะมีการออมในอัตราที่สูง แต่ความพยายามในลักษณะนี้กลับไม่ได้ช่วยให้มีเงินเพียงพอไว้ในยามเกษียณ
ทั้งนี้เป็นเพราะ “อัตราเงินเฟ้อ” ทำหน้าที่เป็นวายร้ายบั่นทอนให้เงินฝากในธนาคารมีมูลค่าลดลง เรื่อยๆในทุกปี ยกตัวอย่างเช่น หากนาย ก. ฝากเงินในธนาคารโดยมีเงินต้นที่ 100,000 บาท และได้ดอกเบี้ยออมทรัพย์อัตรา 0.75%
นาย ก.จะได้รับค่าตอบแทนจากการออมรวมกับเงินต้นในปีแรก 100,750 บาท เพียงแต่หากในช่วงนั้น อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ประมาณ 3% ก็จะทำให้สัดส่วนเงินออมดังกล่าวลดลงเหลือเพียง 97,750 บาท และในระยะยาวถึง 10 ปี หากนาย ก.ยังดื้อดึงจะฝากเงิน เพื่อรับดอกเบี้ยออมทรัพย์ในระดับต่ำต่อไป ก็จะยิ่งกดดันให้มูลค่าเงินต้นลดลงเหลือเพียง 79,646 ล้านเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า “การฝากเงินอย่างเดียวไม่เพียงพอและไม่ใช่ทางเลือกที่ดีอีกต่อไป”
คำถาม คือ เมื่อเงินฝากออมทรัพย์ไม่ใช่ทางเลือก แล้วควรจะทำอย่างไรเพื่อให้มีเงินไว้ใช้จ่ายอย่างสบายในวัย 60ปี ? ซึ่งเรื่องนี้ “สานุพงศ์” ให้คำตอบว่า ต้องเปลี่ยนวิธีคิด จากการออมแบบปกติ มาสู่ “การออมแบบลงทุน” และถือเป็น “สูตร(ไม่)ลับ” ที่ทำให้มนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ สามารถมีเงินกำไว้ในมือพร้อมใช้ได้ถึง 10 ล้านบาท
“ในวัยเกษียณ เงินระดับ 1 ล้านบาท หากตั้งใจออมจริงๆ ก็ทำได้ไม่ยาก แต่การจะออมแล้วอยู่อย่างสบาย ผมว่า 10 ล้านบาท เป็นระดับที่น่าสนใจ และไม่ใช่แค่ความเพ้อฝัน เงินระดับนี้คนไทยทั่วไปก็มีได้จริงๆ”
ทั้งนี้ การปูทางสู่ความมั่งคั่งนี้ จะต้องเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขดังนี้ คือ
1. ต้องมีการออมสม่ำเสมอในอัตราเท่าๆกัน หรือเพิ่มขึ้น
2. เลือกรูปแบบการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าระดับเงินเฟ้อ ซึ่งตามปกติจะอยู่ที่ประมาณ 3% ต่อปี
ซึ่งหนทางหนึ่งที่ “สานุพงศ์”แนะนำ ในฐานะเป็นนักวิเคราะห์กองทุนรวมคนเดียวของประเทศ ก็คือ “การลงทุนผ่านกองทุน” ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัจจุบันมีอยู่เป็นจำนวนมาก และหลายกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงเหนือกว่าเงินเฟ้อ และเงินฝากออมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม หากไม่มีเวลาเพียงพอที่จะศึกษารายละเอียดกองทุนให้ครบ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำว่า ให้เลือกลงทุนผ่าน “Fund Builder Plan” ซึ่งเป็นโปรแกรมการลงทุนรายเดือน ใช้เงินออมเริ่มต้น 5,000 บาท โดยบริษัทจะใช้วิธีหักเงินจากบัญชีฝากเงินอัตโนมัติ
และนักลงทุนสามารถเลือกรูปแบบการลงทุนที่ต้องการได้ 5 ทางเลือก ได้แก่
แพกเกจที่ 1 เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับประมาณ 5.48% ต่อปี (คำนวนจากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5ปี)
แพกเกจที่2 ความเสี่ยงปานกลาง ผลตอบแทน 8.01% ต่อปี
แพกเกจที่ 3 ผลตอบแทน 9.74% ต่อปี
แพกเกจที่ 4 ผลตอบแทน 13.42% ต่อปี
เพกเกจ 4-2 ผลตอบแทน 14.58% ต่อปี
แพกเกจที่ 5 ผสมกองทุนตามใจตัวเอง
ซึ่งแต่ละแพกเกจจะกระจายเงินลงทุนสู่ กองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้ กองทุนตลาดเงินตามสัดส่วนที่บริษัทกำหนด ยกเว้นแพกเกจที่ 5
“โอกาสที่จะมีเงินลงทุน 10 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ควรตัดสินใจช้าเกินไป เพราะยิ่งช้า ก็หมายถึงจะมีเวลาสะสมความมั่งคั่งแต่ละปีลดลงจนทำให้ต้องมาเร่งใส่เงินลงทุนช่วงท้ายๆ มากขึ้น โอกาสจะถึงเป้าหมายก็ต้องยาวนานขึ้นด้วย”
เงิน10 ล้านไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน มนุษย์เงินเดือนก็เอื้อมถึงได้ เพียงแต่ต้องถามตัวเองก่อนว่า พร้อมแล้วหรือยังที่จะ “เริ่มลงมือ” เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการ
ข่าวเด่น