ทีเอ็มบี ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เผยนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ซีพีเอฟ อย่างมาก ทำให้สัดส่วนการจองสูงกว่าจำนวนที่เสนอขายทั้งสิ้นกว่า 1.5 เท่า ชี้ปัจจัยหลักมาจากความเชื่อมั่นในองค์กรที่คงเรตติ้งที่ AA- พร้อมสนับสนุนไทยเป็นศูนย์กลางระดมทุนของภูมิภาค
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ได้เสนอขายหุ้นกู้ในวงเงิน 10,000 ล้านบาท จำหน่ายให้กับนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ผ่านทีเอ็มบี ธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ โดยทีเอ็มบีเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย 50% ของมูลค่าการเสนอขายทั้งหมด และประสบความสำเร็จในการระดมทุนอย่างมาก โดยมียอดการจองซื้อเข้ามาสูงเกินวงเงินที่เสนอขาย โดยแบ่งตามประเภท ดังนี้ หุ้นกู้อายุ 4 ปี มูลค่า 2,000 ล้านบาท มียอดการจองซื้อเกิน 3 เท่า หุ้นกู้อายุ 6 ปี มูลค่า 2,500 ล้านบาท มียอดการจองซื้อเกิน 1.5 เท่า และ หุ้นกู้อายุ 8 ปี มูลค่า 5,500 ล้านบาท มียอดการจองซื้อเกิน 1.5 เท่า ซึ่งทีเอ็มบีมองว่าปัจจัยที่ทำให้หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมากเป็นเพราะนักลงทุนมีความมั่นใจในตัวองค์กร จากการที่ทริสเรทติ้งได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือให้กับหุ้นกู้ตัวนี้ที่ระดับ AA- และยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันที่ระดับ AA- เช่นกัน อีกทั้งมีโครงสร้างการลงทุนที่เหมาะสม คือ 4 ,6 และ 8 ปี เหมาะกับความต้องการของผู้ลงทุนที่มีความต้องการที่หลากหลาย อาทิ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน สหกรณ์ ธนาคารพาณิชย์ และบริษัทประกัน นอกจากนี้ซีพีเอฟยังเป็นองค์กรธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารแบบครบวงจร ดำเนินธุรกิจใน 12 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย และนอกจากความเชื่อมั่นดังกล่าวแล้ว ยังเป็นผลจากความทุ่มเทและความร่วมมือของทุกฝ่ายและทุกธนาคารที่มีส่วนร่วมในการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ซีพีเอฟในครั้งนี้ และทีเอ็มบีมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนนโยบายของประเทศที่ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางการระดมทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพดีที่สุดในการเป็นศูนย์กลางของอาเซียน
ข่าวเด่น