หลังจาก "ทายาทซาฟารีเวิลด์" ออกมาตั้งบริษัท คชาบราเธอร์ส จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น เมื่อเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ด้วยการชิมลางธุรกิจร้านไอศกรีมภายใต้ชื่อ สฟรี ,สฟรีเจอาร์ และพาร์ฟาริโอ จนประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ต่อมาได้ทำการเปิดร้านกาแฟภายใต้ชื่อ "กาแฟ ออลดีส์คอฟฟี่ไลท์" และร้านของหลานภายใต้ชื่อ "เกียวโรลเอน" เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจ
สำหรับรูปแบบของการดำเนินธุรกิจร้านอาหารของว่างและร้านไอศกรีม ทายาทซาฟารีเวิลด์ ได้วางกลยุทธไว้ว่า ต้องการทำธุรกิจร้านอาหารภายใต้คอนเซ็ปต์มัลติแบรนด์ หรือการพัฒนาแบรนด์ร้านอาหารของตัวเองเข้ามาทำตลาด เพื่อจะทำให้แบรนด์มีความโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่ง
อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้ธุรกิจขยายตัวได้รวดเร็ว คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การขยายธุรกิจคงต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหารจากต่างประเทศเข้ามาเปิดให้บริการในประเทศไทย เพราะถ้ามุ่งเน้นการพัฒนาแบรนด์ร้านอาหารของตัวเองเพียงอย่างเดียว จะทำให้ธุรกิจขยายตัวได้ช้า
นายฤทธิ์ คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท คชาบราเธอร์ส จำกัด กล่าวว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 ที่จะถึงนี้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทต้องมีการพัฒนาแบรนด์ร้านอาหารใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าหากมีร้านอาหารเพียงแบรนด์เดียว อาจตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายไม่ได้ทุกกลุ่ม ซึ่งร้านอาหารที่บริษัทจะเน้นเข้าไปทำตลาดมากที่สุด จะเป็นตลาดระดับบน เนื่องจากสินค้าที่นำมาทำตลาดเป็นวัตถุดิบคุณภาพดี
ในส่วนของกลยุทธที่จะนำมาทำตลาดจะมีการนำโนฮาวจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาพัฒนาร้านอาหารในเครือ เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่มีความชื่นชอบอาหารญี่ปุ่น ขณะที่บริษัทเองก็มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนักธุรกิจญี่ปุ่น และญี่ปุ่นเองก็เป็นประเทศที่มีร้านอาหารหลากหลาย บริษัทจึงมีแผนที่จะเข้าไปศึกษาธุรกิจเพื่อนำโนฮาว์ และแบรนด์ที่มีศักยภาพเข้ามาเปิดให้บริการในประเทศไทย
ล่าสุด ทายาทซาฟารีเวิลด์ ได้ออกมาขยายไลน์ธุรกิจจากอาหารหวานสู่อาหารคาว พร้อมกับวางแนวทางการดำเนินธุรกิจไว้ว่า จะดำเนินธุรกิจทั้งในรูปแบบซื้อไลเซนส์แฟรนไชส์ และร่วมทุนควบคู่กันไป เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งถือเป็นการวางแผนงานธุรกิจที่แตกต่างไปจากธุรกิจอาหารหวานที่จะเน้นไปที่การพัฒนาแบรนด์ขึ้นมาเองเป็นหลัก เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจดังกล่าว
สำหรับธุรกิจอาหารคาว ที่ทายาทซารีเวิลด์ออกมาประกาศลั่นกลองรบในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น คือ การซื้อไลเซนส์ร้านเกี๊ยวซ่าภายใต้แบรนด์ "เทราโอกะ" จากบริษัท เทราโอกะ โชเตน จากประเทศญี่ปุ่น เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเป็นระยะเวลา 10 ปี
สาขาแรกของร้านเทราโอกะ ที่ ทายาทซาฟารีเวิลด์ กำลังจะเปิดให้บริการในเดือน ต.ค.นี้ คือ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณโซนฟู้ดฮอลล์บนพื้นที่ 50 ตารางเมตร ประมาณ 22 ที่นั่ง ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการ คาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านบาทต่อเดือน หรือประมาณ 18 ล้านบาทในปีแรก
หลังจากชิมลางร้านเกี๊ยวซ่า “เทราโอกะ” สาขาแรกใจกลางเมืองในช่วงปลายปีนี้ ทายาทซาฟารีเวิลด์ ก็ประกาศกางแผนสยายปีกร้านเทราโอกะ สาขาใหม่ในปีหน้าทันที ด้วยการวางแผนเบื้องต้นไว้ว่าจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 7 สาขา ภายใต้งบลงทุน 4-5 ล้านบาทต่อสาขา และจะเพิ่มเป็น 30 สาขา ภายใน 5 ปีนับจากนี้
ในด้านของช่องทางการทำตลาด นอกจากจะยึดทำเลหลักศูนย์การค้าขนาดใหญ่ เพื่อเปิดให้บริการในรูปแบบเคาน์เตอร์ และร้านขนาดใหญ่แล้ว ทายาทซาฟารีเวิลด์ ยังมีแผนที่จะขยายช่องทางการทำตลาดไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตและคอนวีเนียนสโตร์อีกด้วย เนื่องจากช่องทางดังกล่าวมีอัตราการขยายตัวสูง ซึ่งหลังจากเปิดครบ 30 สาขา ทายาทซาฟารีเวิลด์คาดการณ์ว่า จะมีรายได้จากธุรกิจร้านเกี๊ยวซ่า “เทราโอกะ” ไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาทต่อปี
จากจุดเด่นของร้านอาหารที่เป็นแบบสเปเชียลตี้ หรือ ร้านที่โฟกัสเมนูใดเมนูเดียว อีกทั้งยังมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ เพราะปัจจุบันในประเทศ ไทยยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทเกี๊ยวซ่าเข้าทำตลาดน้อยมาก จึงทำให้ ทายาทซาฟารีเวิลด์ ตัดสินใจลุยธุรกิจร้านเกี๊ยวซ่า เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบอาหารประเภทดังกล่าว
ปัจจุบัน บริษัท คชาบราเธอร์ส มีแบรนด์ร้านอาหารเข้าทำตลาดทั้งหมดจำนวน 5 แบรนด์ ซึ่งทั้งหมดเป็นร้านอาหารประเภทของหวาน ไม่ว่าจะเป็น ร้านสฟรี ร้านสฟรีจูเนียร์ ร้านพาร์เฟริโอ ร้านออดี้คคอฟฟี่ ซึ่งตั้งอยู่ในร้านสฟรีทุกสาขา และร้านเกียวโรลเอ็น โดยทั้ง 5 แบรนด์มีสาขารวมกันประมาณ 34 สาขา และจากการเปิดตัวร้านเกี๊ยวซ่า เทราโอกะ เข้าทำตลาดในครั้งนี้ ส่งผลให้บริษัทมีจำนวนสาขาร้านอาหารเปิดให้บริการรวมกันทั้งหมด 35 สาขา
ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ทายาทซาฟารีเวิลด์ ได้ทำการขยายสาขาร้านอาหารในเครือไปแล้วประมาณ 6 สาขา และในครึ่งปีหลังนี้จะขยายสาขาใหม่เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 6 สาขา ซึ่งจากการเดินหน้าขยายธุรกิจร้านอาหารในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวมประมาณ 112 ล้านบาท
นอกจากจะลงทุนขยายธุรกิจร้านอาหารคาวและร้านอาหารหวานแล้ว ทายาทซาฟารีเวิลด์ ยังเตรียมควักงบอีกกว่า 10 ล้านบาท เพื่อใช้สร้างครัวกลางธุรกิจอาหารคาว เนื่องจากต้องการแยกครัวกลางระหว่างธุรกิจอาหารคาวและอาหารหวานออกจากกัน เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการ
นายฤทธิ์ กล่าวต่อว่า การที่บริษัทยังเดินหน้าขยายธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง เพราะมองว่าธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นยังสามารถเติบโตได้ แม้ว่าการแข่งขันจะรุนแรง โดยในส่วนของปีนี้ก็คาดการณ์ว่าน่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท
ด้าน นายเทราโอกะ ยูอิชิ ผู้ก่อตั้งและประธาน บริษัท เทราโอกะ โชเตน จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า ไทยถือเป็นประเทศแรกที่บริษัทได้เข้ามาขยายธุรกิจออกนอกประเทศญี่ปุ่น เพราะไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ จึงตัดสินใจจับมือกับบริษัท คชาบราเธอร์ส เพื่อนำร้านเทราโอกะ เกี๊ยวซ่า เข้ามาเปิดให้บริการในประเทศไทย หลังจากประสบความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่นมา 15 ปี ด้วยการมีร้าน เทราโอกะ เปิดให้บริการ 4 สาขา และนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เกตอีกกว่า 100 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น
ข่าวเด่น