กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อปกดีวีดีของภาพยนตร์ออสเตรเลียเรื่อง "The Sapphires" เวอร์ชั่นที่จำหน่ายในสหรัฐ ถูกโจมตีว่าเหยียดผิวและเหยียดเพศ
โดยเนื้อหาเป็นเรื่องของเคย์, ซินเธีย, เกล และจูลี 4 สาวชาวอะบอริจิน (คนพื้นเมืองออสเตรเลีย) ที่มารวมตัวกันเป็นวงดนตรีชื่อ The Sapphires ซึ่งโด่งดังในยุคทศวรรษปี 1960 โดยพวกเธอต้องต่อสู้กับการเหยียดผิวและเพศ ที่มีอยู่ทั่วทุกวงการในยุคนั้น ไม่เว้นแม้แต่ในอุตสาหกรรมบันเทิง
ปกดีวีดีแบบดั้งเดิม ที่วางจำหน่ายในประเทศออสเตรเลีย เป็นรูปของทั้ง 4 สาว ที่รับบทนักร้องวง The Sapphires อยู่ด้านหน้า ส่วนผู้จัดการวงผิวขาว ซึ่งในเรื่องรับบท โดย "คริส โอ ดาวด์" อยู่ด้านหลัง
แต่ที่เป็นปัญหา คือ เวอร์ชั่นสหรัฐ ที่แม้เนื้อเรื่องจะเด่นที่ 4 สาว แต่หน้าปกดีวีดีกลับเอาโอ โดวด์ อยู่ด้านหน้า และเอารูป 4 สาวไว้ด้านหลัง ส่วนรูปก็ไม่ได้มีสีสันอะไรนอกจากสีฟ้า ทำให้นักแสดงนำหญิงทั้งสี่ไร้ความโดดเด่น
และที่ร้ายไปกว่านั้น คือ ชื่อของนักแสดงนำหญิงทั้ง 4 คน ได้แก่ เดบอราห์ เมลแมน, เจสสิกา มาอูบอย, ชารี เซบเบนส์ และ มิแรนดา แทปเซล ไม่มีในปกดีวีดี แต่กลับมีชื่อของโอ ดาวด์ ทำให้หลายฝ่ายผิดหวังมาก เพราะนอกจากเหมือนไม่ให้เกียรติผู้แสดงแล้ว ยังเหมือนไม่ให้เกียรติตัวจริงของ The Sapphires และสามารถมองได้ว่าเป็นการเหยียดผิวและเพศ ซึ่งเป็นสิ่งที่สมาชิกในวงต้องต่อสู้มาตลอด และเรื่องอย่างนี้ก็สมควรหมดไปจากโลกนี้ได้แล้ว
"ลูซี เมน" หนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์ของออสเตรเลีย แสดงความคิดเห็นว่า “ภาพยนตร์เรื่อง The Sapphires เป็นภาพยนตร์ที่ดี ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของผู้หญิงชาวอะบอริจิน 4 คน ที่ต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมอันเกิดจากอคติเรื่องสีผิวและเพศ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เราผิดหวังกันมากเมื่อเห็นปกดีวีดีที่สื่อไปในทางอคติเรื่องสีผิวและเพศเช่นนี้ ทั้งที่พวกเธอต่อสู้เรื่องนี้มา”
ไม่ใช่แค่เมนเท่านั้น ยังมีบุคคลที่มีชื่อเสียงและประชาชนมากมายที่แสดงความไม่เห็นด้วย โดยลงรายชื่อเป็นลายลักษณ์อักษรมากกว่า 10,000 ราย ท้ายที่สุด "แอนชอร์ เบย์ เอนเตอร์เทนเมนต์" ซึ่งเป็นบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ดีวีดีภาพยนตร์เรื่องนี้ในสหรัฐ ต้องออกมาขอโทษ
ด้านสมาชิกจริงๆ ของ The Sapphires ได้ทำหนังสือถึงสมาคมเพื่อความก้าวหน้าของคนผิวสี เพื่อสนับสนุนให้เกิดความเท่าเทียมกันของคนในสังคม
ขณะที่ "แอนชอร์ เบย์ เอนเตอร์เทนเมนต์" กล่าวเพิ่มเติมว่า "เสียใจสำหรับความผิดพลาด ที่ทำให้หลายคนไม่พอใจ และจะดำเนินการเปลี่ยนปกดีวีดีต่อไป"
ซึ่งงานนี้คงไม่อาจเรียกความรู้สึกของแฟนๆ กลับมาได้ แต่อย่างน้อยคงดีกว่า การไม่รับผิดชอบอะไรเลย และคงเป็น "บทเรียน"อย่างดี ที่จะไม่ทำอะไรโดยไม่คิดอย่างนี้อีก
ข่าวเด่น