เศรษฐกิจ-บทวิจัยเศรษฐกิจ
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี ออกบทวิเคราะห์ "เร็วเกินไปที่เฟดจะลด QE เดือน ก.ย."


 เฟดจะลด QE ในเดือนกันยายนไหมหนอ?


ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ประเมิน อาจเร็วเกินไปที่เฟดจะตัดสินใจลดขนาด QE ในการประชุมเดือนหน้า จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่แข็งแกร่งพอ แม้ตัวเลขการว่างงานแตะร้อยละ 7.4
 
เตือนตลาดผันผวนเดือนกันยายน หลังนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดเฟดอาจลดขนาด QE ครั้งแรก 
 
ประเด็นหนึ่งที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด จะเริ่มลดปริมาณการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ที่หนุนด้วยสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือเรียกสั้นๆ ว่า มาตรการ QE3 (Third round of quantitative easing) ครั้งแรกเมื่อใด คงเป็นคำถามที่กวนใจนักลงทุนทั่วโลกอยู่ไม่น้อย ผิดกับเมื่อช่วงต้นปีที่ตลาดการเงินดูเหมือนว่าจะไม่สนใจประเด็นดังกล่าวเลย ถึงกับขนาดที่หลายฝ่ายได้ขนานนามมาตรการนี้ว่า QE Infinity ด้วย เพราะเชื่อว่ามันจะมีอยู่ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
 
แต่ถ้อยแถลงของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ในผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 18-19 มิ.ย.ก็ทำให้นักลงทุนตระหนักได้ถึงความจริงที่ว่า QE3 จะไม่ได้อยู่ไปชั่วฟ้าดินสลาย โดยประธานเฟดได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวสอดคล้องกับประมาณการของเฟด การลดปริมาณการเข้าซื้อตราสารในมาตรการ QE จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้” ซึ่งเฟดมองว่าอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ร้อยละ 7.2-7.3 ภายในสิ้นปีนี้ และ “หากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นต่อเนื่อง มาตรการ QE น่าจะสิ้นสุดลงกลางปี 2557 ซึ่งขณะนั้นอัตราการว่างงานน่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 7” 
 
ความโกลาหลของราคาสินทรัพย์ที่ตอบสนองราวกับว่ามาตรการ QE กำลังจะหยุดลงในเร็ววันนี้ ทำให้นายเบอร์นันเก้ ต้องออกมาสื่อสารกับตลาดใหม่ในถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสในเดือนกรกฎาคมว่า เฟดไม่ได้กำหนดการปรับเปลี่ยนมาตรการ QE ไว้ล่วงหน้า ดังนั้น ถ้าหากมุมมองของสภาวะการจ้?างงานออกมาแย่กว่าที่คาดไว้ เฟดอาจตัดสินใจคงระดับการเข้าซื้อสินทรัพย์ใน   ปั?จจุบันไปอีกระยะหนึ่ง ประเด็นหลักจึงอยู่ที่แนวโน้มของอัตราการว่างงานในสหรัฐฯ จะสามารถลดต่ำกว่าร้อยละ 7.3 ได้หรือไม่ 
 
จากการวิเคราะห?พบว?าการฟ??นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ (GDP) ในช?วงที่ผ?านมา ยังคงไม?แข็งแกร่งเพียงพอที่จะทําให?อัตราการว?างงานปรับตัวลดลงได้จริง เพราะการเติบโตเพียงร้อยละ 1.7 ในไตรมาสที่สอง และตัวเลขไตรมาสแรกที่ถูกปรับลดเหลือร้อยละ 1.1 เท่านั้น น่าจะทำให้อัตราการว่างงานปัจจุบันยังคงลอยเหนือระดับร้อยละ 7.5 เพราะฉะนั้น ตัวเลขอัตราการว่างงานล่าสุดที่ร้อยละ 7.4 อาจถูกบิดเบือนได้จากสัดส่วนของผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน (Participation rate) ลดลงมากเป็นพิเศษ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากประชาชนบางส่วนตัดสินใจที่จะเลิกหางานโดยถาวร ทำให้ตัวเลขอัตราการว่างงานอาจต่ำกว่าความเป็นจริง
 
เมื่อพิจารณาในส่วนของตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เราพบว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อเดือนราว 1.6 แสนตำแหน่ง (นับแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ที่มีการจ้างงานน้อยที่สุดจนถึงปัจจุบัน) ซึ่งหากอิงตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวต่อเนื่องไปข้างหน้า การจ้างงานจะกลับสู่ภาวะปกติ (เทียบเท่ากับภาวะปกติในเดือนมกราคม 2551) ในช่วงไตรมาสสามของปี 2557 ซึ่งมีนัยยะว่า การฟื้นตัวของตลาดแรงงานอาจจะล่าช้ากว่าที่นายเบน เบอร์นันเก้ส่งสัญญาณไว้ สอดคล้องกับมุมมองของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบีที่ว่าการเริ่มถอน QE น่าจะเกิดในช่วงปลายปี 2556 มากกว่า
 
นอกจากนี้ ความกังวลต?อประเด็นเงินเฟ?อที่อยู?ในระดับต่ำ (Disinflation) ซึ่งเฟดกล?าวไว?ในรายงานวานนี้ว?า “เงินเฟ?อที่ทรงตัวต่ำกว?าระดับ 2% ช?วงระยะเวลาหนึ่งอาจก?อให?เกิดความเสี่ยงต?อเศรษฐกิจ” น่าจะเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เฟดยังคงดำเนินมาตรการ QE ไปอีกซักระยะหนึ่ง อย่างน้อยจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับมาส่งสัญญาณเร่งตัวขึ้นบ้าง
 
โดยสรุป ถึงแม้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าการเริ่มถอนมาตรการ QE น่าจะเกิดครั้งแรกในเดือนกันยายนนี้ โดยเฉพาะเมื่ออัตราการว่างงานปรับตัวลดลงมาสู่ระดับร้อยละ 7.4 ในเดือนกรกฎาคม แต่ศูนย?วิเคราะห?เศรษฐกิจทีเอ็มบียังประเมินว่ากันยายนอาจเร็วเกินไปที่คณะกรรมการจะตัดสินใจเช่นนั้น โดยเฟดน่าจะรอถึงช่วงปลายปีเพื่อดูสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนเสียก่อน อย่างไรก็ดี แม้การลดขนาด QE ครั้งแรกอาจไม่เกิดในการประชุมครั้งหน้า แต่การคาดการณ์ของตลาดดังกล่าว จะก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินเพิ่มมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอย่างน้อยที่สุด เรากำลังนับถอยหลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่เฟดจะตัดสินใจดำเนินมาตรการลดปริมาณเงินดอลลาร์ฯ ที่เอ่อล้นอยู่ในระบบการเงิน เข้าไปทุกขณะ
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ส.ค. 2556 เวลา : 19:50:57
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 5:58 pm