“เมืองไทยประกันภัย” สุดปลื้มผลการดำเนินงานครึ่งปี56 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 177.7 % เบี้ยประกันภัยรับรวมสูงถึง 4,130.4 ล้านบาท เน้นพัฒนาช่องทางการขาย พร้อมมุ่งเน้นการบริการที่เต็มศักยภาพ
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด(มหาชน) เปิดเผย ผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกประจำปี 2556 ว่า บริษัทฯ มีผลประกอบการกำไรสุทธิ 452.14 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิที่ 630.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ177.7 ทั้งนี้ก็เนื่องจากในปีก่อนบริษัทมีการบันทึกสินไหมกรณีเหตุการณ์อุทกภัยจากที่ได้รับรายงานในระหว่างงวดเป็นจำนวน 1,040 ล้านบาท (โดยมีผลกระทบต่อขาดทุนสุทธิหลังภาษีประมาณ 800 ล้านบาท) ในปีนี้สินไหมดังกล่าวเมื่อจ่ายชำระให้ผู้เอาประกันไปแล้วเป็นส่วนใหญ่สามารถปรับลดลงได้ ทำให้บริษัทฯ ปรับปรุงลดค่าใช้จ่ายสินไหมลงเป็นจำนวน 128.6 ล้านบาท เป็นผลให้มีผลกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือนของปีนี้จำนวน 452.14 ล้านบาท อีกทั้ง ปีนี้บริษัทสามารถจัดโครงสร้างการประกันภัยต่อได้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนของบริษัทฯ ในส่วนนี้ลดลงตามลำดับ ภายหลังเหตุการณ์ต่าง ๆ เข้าสู่ภาวะปกติ โดยบริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 4,130.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 499 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 14 จากปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการขยายช่องทางการขายของงานประกันภัยทั่วไปทั้งด้านรถยนต์และประกันภัยอื่น โดยมีเบี้ยประกันที่ถือเป็นรายได้มีจำนวน 2,611.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปีที่แล้ว 27.24%
นอกจากนี้บริษัทฯ มีรายได้และผลกำไรจากการลงทุนในหลักทรัพย์รวม 215 ล้านบาท ด้านค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยทั้งหมดอยู่ที่ 1,974.25 ล้านบาท และกำไรจากการรับประกันภัย 422.66 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 662.85 ล้านบาท มีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 606.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 170% และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 452.14 ล้านบาท หรือคิดเป็น172%
“สำหรับในปี 2556 นี้ บริษัทตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันรับตรงอยู่ที่ 4,700 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนเป็นประกันภัยรถยนต์ (Motor) 45% และเป็นประกันภัยทั่วไป (Non-Motor) 55% “ นางนวลพรรณ กล่าวเพิ่มเติม
นางนวลพรรณ กล่าวต่อว่า ในปี 2556 นี้ บริษัทฯมีแผนงานหลัก ได้แก่
ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทฯมีแผนงานดังต่อไปนี้
บริษัทยังมุ่งเน้นการขยายงานผ่านหลากหลายช่องทาง (Multi Channels) เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายให้ได้รับบริการที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกระดับ สำหรับปี 2556 บริษัทได้ขยายงานผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
- ช่องทางงานขายตรง เป็นช่องทางที่บริษัทได้เตรียมบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญในการรับประกันภัยแต่ละด้านเพื่อให้บริการลูกค้ารายใหญ่ที่มีธุรกิจในเครือที่หลากหลาย ซึ่งการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงของลูกค้าได้ครบทุกธุรกรรม นอกจากนี้ทีมงานขายตรงนี้จะมีทีมงานที่มีความชำนาญในด้านผลิตภัณฑ์พิเศษ (Special Product) คือ D&O, Trade Credit, Product Liability (PL) , Personal Indemnity (PI) ซึ่งการทำธุรกิจในปัจจุบันเปิดกว้างและมีความซับซ้อนมากขึ้นจะเห็นว่าความเสี่ยงอาจไม่ได้เกิดจากตัวผู้ประกอบการเองแต่เกิดจากคู่ค้าโดยไม่คาดหมาย ผู้ประกอบการจึงควรพิจารณาหากกรมธรรม์ประเภทพิเศษเหล่านี้เพื่อโอนความเสี่ยงนั้น ๆ โดยการมีกรมธรรม์ประเภทนี้
- ช่องทางธุรกิจตัวแทน บริษัทได้ขยายจำนวนตัวแทนทั่วประเทศ และได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นในภูมิภาคที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัว เช่นภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และ ภาคตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดที่เป็นรอยเชื่อมระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเริ่มมีธุรกรรมต่าง ๆ มากขึ้น บริษัทมีแผนงานในการขยายตัวแทนรายย่อย จำนวน 200 รายและเพิ่มจำนวนสำนักงานตัวแทน ที่มีความพร้อมทั้งด้านความรู้และการให้บริการทั่วประเทศเป็นจำนวน 50 รายเป็นจำนวนสำนักงานตัวแทนที่ให้บริการ 219 สำนักงาน ในสิ้นปีนี้ เพื่อให้การดูแลลูกค้าได้อย่างทั่วถึง สำหรับช่องทางนี้ยังคงเน้นการขายประเภทประกันภัยรถยนต์และประเภทวินาศภัยโดยเฉพาะ ประกันอัคคีภัยประเภทบ้านอยู่อาศัย ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) และประกันอื่น ๆ เกี่ยวกับธุรกิจขนาดย่อม
- ช่องทางธุรกิจนายหน้า บริษัทเริ่มขยาย บริษัทได้ขยายงานผ่านช่องทางนี้ ทั้ง ประกันภัยรถยนต์และประกันวินาศภัย ผ่าน Broker รายขนาดเล็ก ขนาดกลาง และ ขนาดใหญ่โดยมุ่งเน้นรายใหญ่มากขึ้น ในส่วนของช่องทางธุรกิจนายหน้าจะดูแลการขยายงานด้าน ประกันภัยทางทะเล (Marine) มาขึ้น จากสภาวะเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวมากขึ้น ทั้งนี้ สำหรับการเพิ่มในเรื่องของประกันภัยทางทะเลบริษัทรับประกันภัยให้สอดคล้องกับธุรกิจลูกค้าและความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยช่วยในการดูเรื่องของการบริหารความเสี่ยงต่าง ๆ ที่ลูกค้าควรมีให้ครบวงจร
- ช่องทางธุรกิจรถยนต์และตัวแทนจำหน่าย เนื่องจากกรขยายตัวของปริมาณรถยนต์ค่อนข้างสูงมากทำให้การขยายตัวช่องทางนี้ติดต่อกันตั้งแต่ปลายปี 2554-2555 สำหรับปีนี้อัตราการขยายตัวแม้ปริมาณรถใหม่ที่ส่งมอบจะเริ่มลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาแต่การขยายงานยังคงมีต่อเนื่องจากการขยายฐานพันธมิตรคู่ค้ามากขึ้น บริษัทคาดว่าจะขยายยี่ห้อรถเพิ่มขึ้นพร้อมกับการขยายงานกับศูนย์ตัวแทนจำหน่ายให้ครบทุกภูมิภาคมากขึ้น
- ช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ เป็นช่องทางอีกช่องทางที่สำคัญในการตอบโจทย์ที่ได้แบ่งกลุ่มลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย (Segmentation) ที่ชัดเจนมากขึ้นตรงกับธุรกิจ (Business) และวิถีชีวิต (Life style) มากขึ้น บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรชีวิตของลูกค้า ซึ่งสามารถให้ความคุ้มครองและป้องกันความเสี่ยงได้ครบทุกช่วงชีวิต และธุรกิจที่ต้องการคุ้มครองความเสี่ยง ที่ผ่านเครือข่ายของธนาคารหลักคือ กสิกรไทย และ ธนาคารอื่น ๆ นับได้ว่าบริษัทมีประสบการณ์และความรู้ในการให้บริการผ่านช่องทางนี้ผ่านผู้ถือหุ้นจากต่างประเทศโดยการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าของธนาคารได้ครบครัน ลูกค้าสามารถไปที่ธนาคารหาซื้อกรมธรรม์ต่าง ๆ ได้กับธนาคารที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทครบทุกสาขา
- ช่องทางเครือข่ายพันธมิตรเครือข่าย ที่บริษัทได้เปิดตัวในการขายประกันภัยประเภท เป็น Package ตรงกับกลุ่มผู้ใช้บริการของพันธมิตรซึ่งเป็นอีกกลุ่มที่บริษัทต้องการให้บริการผ่านทางเครือข่ายบริษัทพันธมิตรเช่นกัน
- Website on-line ของบริษัทภายใต้ muangthaiinsurance.com ที่ลูกค้าต้องการความสะดวกในการติดต่อซื้อกรมธรรม์ที่เป็นประเภทการเดินทางในหรือ ต่างประเทศเพื่อขอวีซ่าในกลุ่มประเทศต่าง ๆ บริษัทได้เล็งเห็นแนวโน้มของกลุ่มผู้ใช้งาน Internet ที่นับว่าจะขยายตัวมากขึ้นและบริษัทจะให้บริการตั้งแต่การซื้อ การเคลม ผ่านทางเครือข่ายที่เป็น on-line มากขึ้นเพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตของคนในยุค Social Media มากขึ้น
ทั้งนี้ ใน MTI มีการปรับปรุงในการรักษาบุคลากรให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม หากย้อนไปในปี 2555 ที่ผ่านมา ทั้งอุตสาหกรรมมีอัตราการ Turnover ถึง 19% ซึ่งสูงมาก ของ MTI ประมาณ 15% ในขณะที่เท่าที่มีข้อมูลปีนี้ ของตลาดประกันวินาศภัยยังมีอัตรา Turnover สูงกว่า 10% ขณะที่ MTI ประมาณ 5%
ในด้านการจัดโครงการสรรหาที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย กับ GEN Y มีการทำ Campus recruitment, MTI open house และจะมีการให้ทุนการศึกษาในคณะที่มีความต้องการสูง เหมาะกับตำแหน่งงานที่มีลักษณะเฉพาะ เป็นต้น นอกจากนี้ มีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC เช่นพัฒนาด้านภาษาอังกฤษ และจัดหาบุคลากรที่มีความพร้อมในการศึกษาและเตรียมการเสริมพันธมิตรต่างประเทศ มีการตั้งทีมงานธุรกิจต่างประเทศ เพื่อหารูปแบบธุรกิจที่เหมาะสมในประเทศต่างๆ
“ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ประจำปี 2556 ของบริษัทฯ เป็นผลมาจากบริษัทฯ ได้ขยายช่องทางและสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับพันธมิตรธุรกิจ ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า ทำให้สามารถเพิ่มยอดเบี้ยประกันภัยได้อย่างต่อเนื่องอีกทั้งบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาระบบการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมาก รวมทั้งการพัฒนาบุคคลากรของบริษัทฯอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯจะดำเนินการเช่นนี้ตลอดไป”นางนวลพรรณกล่าว
ข่าวเด่น