ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลโดยอาศัยข้อมูลทางชีวภาพได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นวิธีที่สามารถยืนยันแต่ละบุคคลได้ง่าย เช่น การสแกนลายนิ้วมือ ตรวจรูม่านตา จดจำใบหน้า รวมถึงการสแกนหลอดเลือดในฝ่ามือ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีบุกเบิกของห้องปฏิบัติการฟูจิสึ หรือ ฟูจิสึ แลบอราทอรีส์ และล่าสุดฟูจิสึได้พัฒนาต่อยอดให้มีความถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้นอีกและใช้งานได้อย่างกว้างขวางขึ้น
ที่ผ่านมาฟูจิสึ แลบอราทอรีส์สร้างชื่อในการเป็นผู้นำด้านระบบตรวจหลอดเลือดดำบนฝ่ามือมาใช้งานในหลายด้าน ที่เพิ่งสร้างความฮือฮาโดดเด่นอย่างหนึ่งเห็นจะเป็นการเปิดตัว “เครื่องเอทีเอ็มยุคใหม่” ที่ใช้วิธีสแกนหลอดเลือดบนฝ่ามือแทนบัตรเอทีเอ็ม ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างฟูจิสึและบริษัท ฮิตาชิ หวังตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้หาระบบหรือเทคโนโลยีอื่น ๆ มาใช้ทดแทนระบบแผ่นการ์ดแถบแม่เหล็กที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน โดยที่ผ่านมาได้การติดตั้งเครื่องสแกนเส้นเลือดให้ใช้ร่วมกับตู้เอทีเอ็มไปแล้วรวม 80,000 จุดทั่วประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้รูปแบบหลอดเลือดดำใต้ผิวหนังฝ่ามือของแต่ละบุคคลนั้นถือเป็นอัตลักษณ์ของแต่ละคน ไม่มีใครเหมือนใคร อย่างไรก็ดีระบบแบบเก่าเป็นการทำงานโดยเปรียบเทียบรูปแบบต่าง ๆ ของหลอดเลือดที่ได้จากภาพฝ่ามือบุคคล แต่เทคโนโลยีใหม่ของฟูจิสึได้ใช้ลักษณะหลายอย่างของหลอดเลือดมาแปลผลเป็นระหัสอ้างอิงมากถึง 2,048 บิตเพื่อใช้เปรียบเทียบ
การแปลงระหัสทำโดยเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในแง่มุมต่าง ๆ ทำให้ได้ระหัสที่แตกต่างกันเป็นจำนวนมากจากภาพเดียวกันและระหัสที่แตกต่างกันเหล่านี้ยังสามารถนำไปใช้ในงานที่แตกต่างกันได้ด้วย โดยมีความผิดพลาดเพียง 1 ใน 100,000 เท่านั้น ที่สำคัญแม้ข้อมูลนี้เกิดรั่วไหลออกไป ผู้ใช้ยังคงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยและไม่ทำให้การใช้งานในด้านต่าง ๆ ต้องสะดุดลง
ฟูจิสึหวังได้ใช้เทคโนโลยีสแกนหลอดเลือดใหม่นี้ราวปี 2015 พร้อมยอมรับว่า โดยยังต้องปรับปรุงเทคโนโลยีภาพให้ดีขึ้นอีก เพื่อลดข้อจำกัดเกี่ยวกับตำแหน่งหรือรูปร่างของมือให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และเพิ่มความแม่นยำให้กับเทคโนโลยีการถอดระหัส
สำหรับประโยชน์ที่จะนำไปใช้ในอนาคต เช่น ใช้ชำระเงินค่าสินค้าและบริการตามร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ ธุรกิจบริการส่งสินค้าตามบ้านและการเข้าถึงเวบไซต์ต่าง ๆ
ถือเป็นความก้าวหน้าไปอีกขั้นของการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ช่วยให้ผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการต่าง ๆ มั่นใจเพิ่มขึ้นถึงความปลอดภัย อีกไม่นานคงจะได้ใช้กัน
ข่าวเด่น