"เคแบงก์" ชี้เทรนด์ปล่อยกู้เอสเอ็มอีแข่งเดือด ซ้ำเศรษฐกิจแผ่ว หวั่นลูกหนี้เสี่ยง งัดสินเชื่อใหม่ เชียร์ลูกค้าเดินบัญชี 3 เดือน ปล่อยกู้เพิ่ม หวังอ่านธุรกิจละเอียดก่อนปล่อยกู้ วางเป้าจับลูกค้า 5 พันราย ปล่อยกู้เพิ่ม 1.5 หมื่นล้าน
นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะการแข่งขันในตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอีที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารต้องพยายามเข้ามาวิเคราะห์หากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่มีโอกาสเติบโตได้มากขึ้น เช่นในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มนี้มักจะมีข้อจำกัดเรื่องหลักประกันและงบการเงิน ทำให้ธนาคารต้องหาวิธีวิเคราะห์ความสามารถของธุรกิจจากเงื่อนไขอื่นๆ รวมถึงเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังที่ชะลอตัวลงก็ทำให้ธนาคารต้องประเมินความเสี่ยงละเอียดยิ่งขึ้น
“ตอนนี้ทุกธนาคารแข่งขันกันหนักกับตลาดสินเชื่อเอสเอ็มอี ทั้งลดดอกเบี้ย ลดค่าธรรมเนียมสู้กัน และแย่งลูกค้ากันเยอะมาก ส่วนใหญ่ก็ต้องแย่งกลุ่มลูกค้าที่เสี่ยงกัน เพราะลูกค้าดีมักจะได้เงื่อนไขสินเชี่อที่ดี ดอกเบี้ยถูกอยู่แล้ว จึงไม่ได้อยากย้าย ต่อไปลูกค้าดีก็จะมีจำกัดมากขึ้น และทุกแบงก์ก็ต้องหันมาหาลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงมากขึ้นแทน จุดตัดก็จะอยู่ที่การวิเคราะห์ความเสี่ยงลูกค้าให้ได้”
ล่าสุด ธนาคารได้ออกสินเชื่อใหม่ “เงินกู้เต็มที่...แค่มีบัญชีหลัก” โดยเน้นให้ลูกค้าธุรกิจมาเดินบัญชีกับธนาคารเพิ่มมากขึ้น ด้วยการทำธุรกรรมฝาก ถอน โอน จ่าย เพื่อวิเคราะห์รายได้ รายจ่าย และความสามารถจ่ายดอกเบี้ยของธุรกิจ ด้วยการเดินบัญชีติดต่อกัน 3 เดือน และมียอดเงินฝากและโอนเข้ามายังบัญชีธนาคารกสิกรไทยมากกว่า 50% ของรายได้ในแต่ละเดือน จากนั้นจะได้สามารถพิจารณาวงเงินสินเชื่อได้เหมาะสม
สำหรับลูกค้าใหม่ธนาคารก็สามารถอนุมัติวงเงินได้สูงสุดถึง 100% ของมูลค่าหลักประกัน ส่วนลูกค้าเดิมก็สามารถให้ได้สูงสุดถึง 200% ของมูลค่าหลักประกัน
“ในมุมธนาคารกสิกรไทยเองก็พยายามดึงให้ลูกค้ามาเดินบัญชีเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงและวงเงินที่เหมาะสมให้ ถ้าไม่ให้เห็นหน้าตาธุรกิจของลูกค้า เราก็คงให้ได้น้อย และไม่เพียงพอกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ ฉะนั้นเราจึงมองในมุมว่าให้วงเงินที่เพียงพอแก่ลูกค้า คุมความเสี่ยงได้ และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด”
เขากล่าวอีกว่า ปกติแล้วลูกค้าธุรกิจรายเล็กจะมีเป็นกลุ่มที่เก็บเงินสดเป็นหลัก ไม่ได้ทำธุรกรรมผ่านธนาคาร จึงอาจจะวิเคราะห์ความเสี่ยงได้ยาก เพราะไม่เห็นการทำธุรกรรม จึงจะพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูกค้าให้นำรายการซื้อ-ขายสินค้าเหล่านี้ เข้ามาทำผ่านระบบของธนาคารแทน นอกจากการเดินบัญชีแล้วก็ต้องทำควบคู่ไปกับการวางหลักประกันสินเชื่อด้วย โดยตั้งเป้าหมายลูกค้าที่จะมาเข้าโครงการนี้ประมาณ 5,000 ราย วงเงินสินเชื่อประมาณ 15,000 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรก นายพัชรกล่าวว่า ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีได้ 483,525 ล้านบาท เติบโตขึ้น 3.2% โดยมีรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 22% ขณะที่เป้าหมายปีนี้ยังคงคาดว่าจะมีสินเชื่อคงค้างภายในสิ้นปีนี้ 522,701 ล้านบาท ขยายตัวประมาณ 12%
ข่าวเด่น