แบงก์-นอนแบงก์
"บัณฑูร" เชื่อญี่ปุ่น-จีนเดินเกมลงทุนไทยเปิดประตูลุยอาเซียน


บิ๊กค่ายกสิกรไทย "บัณฑูร ล่ำซำ" มั่นใจไทยยังเนื้อหอม ชี้"ทุนญี่ปุ่น-จีน" พาเหรดลงทุน วางยุทธศาสตร์ขยายฐานผลิต ปักหมุดพื้นที่เปิดประตูลุยเออีซี ตั้งโจทย์ทุกแบงก์เตรียมรับมือ

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงแนวโน้มความสนใจของกลุ่มทุนจากต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยว่า กลุ่มธุรกิจจากญี่ปุ่นและจีน ยังเป็น 2 ประเทศหลักที่มีเงินในเวลานี้และยังมีศักยภาพที่ยังให้ความสนใจขยายเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าเป็นภาพใหญ่ที่หลายธุรกิจใน 2 ประเทศดังกล่าวมองเห็นทิศทางนี้เช่นกัน

กลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจและมองว่ามีศักยภาพที่จะเข้ามาลงทุนไทย นายบัณฑูรกล่าวว่า ที่เห็นชัดก็คือ อุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งนำมาก่อนและเป็นตัวดึงให้ธุรกิจอื่นๆ ตามมา โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่มีหลากหลายมาก ยุทธ์ศาสตร์นี้กลุ่มญี่ปุ่นวางพื้นฐานเข้ามาอยู่ในไทย 40-50 ปีมาแล้ว

รวมถึงมองว่าต่อไปธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้เทคโนโลยีระดับกลาง น่าจะกลุ่มธุรกิจเป้าหมายที่น่าจะยังเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจที่ใช้ระดับเทคโนโลยีค่อนข้างน้อยและใช้แรงงานเป็นหลักก็คงต้องเลือกไปลงทุนที่ประเทศอื่นที่ค่าแรงงานยังต่ำมากกว่า ไม่น่าจะมาลงทุนที่ประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม เขามองว่า นอกจากการเข้ามาลงทุนในไทยแล้ว แรงทุนของญี่ปุ่นเองก็พยายามกระจายความเสี่ยงเข้าไปลงทุนในประเทศอื่นๆ เช่นกัน ทั้งเวียดนาม และอินโดนีเซีย ที่ยังเห็นปริมาณการลงทุนลักษณะนี้อยู่ แต่เชื่อมั่นว่าโดยศักยภาพของประเทศไทยซึ่งมีความครบถ้วน ทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาค่อนข้างดี ภูมิประเทศที่เป็นศูนย์กลางในอาเซีียน และความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อไปยังตลาดอื่นๆ ในอาเซียนได้ ก็จะเป็นจุดดึงดูดให้เข้ามาลงทุนในไทยเป็นหลัก

"ตอนนี้เราก็เห็นว่าธุรกิจแบงก์จากญี่ปุ่นเองก็วิ่งเข้ามาหาธุรกิจในไทยกันเยอะขึ้น จากที่เมื่อก่อนไม่ค่อยมี เป็นการเปลี่ยนมุมมองไปแล้ว เพราะหลายธุรกิจญี่ปุ่นเข้ามาอยู่ในไทย หรืออย่างจีนเองก็ชัดเจนว่า รัฐบาลสนับสนุนให้ธุรกิจในจีนเริ่มออกไปลงทุนนอกประเทศมากขึ้น หลายธุรกิจก็เข้ามาลงทุนไทย ตรงนี้ก็เป็นโอกาสสำหรับทุกแบงก์ว่าจะเข้าไปจับธุรกิจเหล่านี้ได้อย่างไร"

นายบัณฑูรกล่าวอีกว่า การเข้ามาของกลุ่มธุรกิจการเงินทั้งญี่ปุ่นและจีน ก็ถือเป็นอีกขั้นของการแข่งขันในธุรกิจนี้ ซึ่งธุรกิจการเงินไทยเองก็ต้องเตรียมพร้อมปรับตัวและรับกับการแข่งขันที่มากขึ้นด้วย แต่ขึ้นอยู่กับรายธนาคารว่าจะปรับตัวอย่างไร เพราะคงมีโมเดลธุรกิจต่างกัน ว่าจะเห็นพ้องที่จะมาทำธุรกิจร่วมกันหรือไม่ ที่ผ่านมาธุรกิจนี้ก็เหมือนเป็นทั้งคู่ต่อสู้และพันธมิตรกันไปด้วย มีจับมือกันบ้าง ปล่อยกู้ร่วมกัน ขณะเดียวกันก็ต้องแข่งขันกันไปด้วย เป็นเรื่องธรรมดา

"แม้ตอนนี้เศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลงไปบ้าง แผ่วลงไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าขยายตัวได้ 0% เลย เพราะจีนก็ยังเติบโตประมาณ 7.5% ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ด้วยกัน แม้ว่าจะไม่หวือหวาเหมือนเดิมก็ตาม สะดุดบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่นโยบายของจีนเองก็ยังเดินหน้าออกมาลงทุนในต่างประเทศอยู่แล้ว เป็นภาพเดียวกันญี่ปุ่นที่ขยับในลักษณะนี้มาหลายปีแล้ว" นายบัณฑูรกล่าว

ทั้งนี้ ล่าสุดธนาคารกสิกรไทยได้ลงนามปล่อยกู้ 1,200 ล้านบาทให้แก่บริษัท แอลแอลไอที (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัท ซานตงหลิงหลงไทร์ จำกัด ผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ในจีน โดยวงเงินดังกล่าวเป็นการกู้เพื่อลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตยางรยนต์ในประเทศไทยและจัดซื้อเครื่องจักร ซึ่งกลุ่มซานตงหลิงหลงไทร์ ต้องการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตยางรถยนต์ทั้งรองรับตลาดไทยรวมถึงการส่งออกไปขายประเทศอื่นๆ ในอาเซียนและประเทศอื่นๆ ด้วย ทั้งยังมีโครงการที่จะขยายการผลิตในเฟส 2 เพิ่มเติมในอนาคต


LastUpdate 22/08/2556 11:06:19 โดย : Admin
09-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 9, 2024, 11:28 pm