สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ยอมรับกำลังซื้ออืด ยอดผิดนัดชำระหนี้พุ่งสูงถึง 50% เหตุประขาชนมีหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น ทั้งบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หนี้รถยนต์ ด้านสมาคมรับสร้างบ้านเดินหน้าจัดงานกระตุ้นกำลังซื้อ หลังจากตลาดชะลอตัวจากปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำและการเมือง
นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยถึงสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ว่า เป็นห่วงกำลังซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชน ที่ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณว่าไม่มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น จากการที่มีหนี้สินภาคครัวเรือนสูงขึ้น ทั้งหนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หนี้รถยนต์ หนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบทำให้ความสามารถในการผ่อนชำระค่างวดลดน้อยลง จนทำให้สถาบันการเงินไม่สามารถอนุมัติวงเงินที่ขอกู้ซื้อบ้านให้ได้ ทั้ง ๆ ที่เกณฑ์การปล่อยสินเชื่อยังคงเหมือนเดิม และภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงเติบโตได้ดีอยู่ โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายชาติชาย พยุหนาวีชัย เลขาธิการสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย และรองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนของธนาคารกสิกรไทยกำหนดให้ ลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 3 ขึ้นไป ต้องจ่ายอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (แอลทีวี) สูงขึ้นเป็น 20% ตั้งแต่เดือนก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันการซื้อเก็งกำไร และช่วยลดความเสี่ยงด้านการเงินของธนาคารด้วย
“ปัจจุบันนี้อัตราการผิดนัดชำระหนี้การผ่อนค่างวดเพิ่มสูงขึ้น จากเดิมที่มีสัดส่วน 30% เป็น 50% เนื่องจากลูกค้ามีภาระหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจากโครงการรถคันแรก” นายชาติชายกล่าว
ขณะที่ นางพัชรา ตัณฑยรรยง นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้ สมาคมฯ จะเดินหน้าจัดงานรับสร้างบ้านอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 2-3 ครั้ง เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค หลังจากช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านออกไป แต่เชื่อว่าขณะนี้ทิศทางทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองเริ่มดีขึ้น หากผ่านงบประมาณครั้งนี้แล้ว บรรยากาศต่าง ๆ จะดีขึ้น ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น และทำให้ทั้งปีภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 11,500 ล้านบาท เป็นส่วนแบ่งทางการตลาดของสมาคมฯ 60-70% หรือ 7,500 ล้านบาท
ล่าสุดได้จัดงานโฮม บิวล์เดอร์ เอ็กโปร 2013 ระหว่างวันที่ 22-25 ส.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยมี 40 บริษัทรับสร้างบ้าน และบริษัทวัสดุก่อสร้าง ร่วมจัดแคมเปญให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกค้ามากขึ้น คาดว่าในช่วงดังกล่าวจะมียอดขาย 2,850 ล้านบาท และภายใน 2-3 เดือนนับจากนี้จะมีการลงนามในสัญญารับก่อสร้างบ้านกันมากขึ้น หรือมีมูลค่าตลาดรวมได้อีก 1,500 ล้านบาท จากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ที่ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านทรง ๆ ตัว หรือมีมูลค่าตลาดเพียง 2,700 ล้านบาท
“ธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นธุรกิจบริการสำหรับลูกค้าที่มีที่ดินของตัวเองแล้ว จึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ หรือหนี้ครัวเรือนใด ๆ แม้ว่าสถาบันการเงินจะเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ หรือความสามารถในการผ่อนชำระมากขึ้น แต่ลูกค้ากลุ่มนี้ก็ไม่ค่อยได้รับผลกระทบแต่อย่างใด โดยระดับราคาบ้านที่ลูกค้าต้องการให้สร้างบ้านคือที่ 3-5 ล้านบาท แต่ว่าบรรยากาศทางการเมืองและเศรษฐกิจมีผลทำให้กลุ่มนี้ชะลอการตัดสินใจออกไปเท่านั้น ดังนั้น หากสมาคมฯ มีการจัดงาน และมีแคมเปญกระตุ้นยอดขาย เชื่อว่าจะทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้เร่งการตัดสินใจเร็วขึ้น” นางพัชรากล่าว
.jpg)
.jpg)
ข่าวเด่น