หลังจากมีผู้เล่นในตลาดร้านสะดวกซื้อหรือร้านคอนวีเนียนสโตร์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกประเภทดังกล่าวมีอัตราการเติบโตมากที่สุดในบรรดาธุรกิจค้าปลีกทั้งหมด เพราะนอกจากผู้เล่นหน้าใหม่จะออกมาทำการตลาด ในด้านของผู้นำตลาดอย่างร้านเซเล่นอีเลฟเว่น ยังออกมาตอกย้ำการเป็นเจ้าตลาดร้านสะดวกซื้อ ด้วยการออกมาทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง
แต่ละกิจกรรมที่เจ้าตลาดร้านสะดวกซื้อออกมาทำการตลาดที่ล้วนแรงและได้ผลการตอบรับที่ดี ส่งผลให้มวยรองอย่างร้านแฟมิลี่มาร์ทออกมา ยอมรับว่า ผู้นำตลาดมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก จากสถานการณ์การแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าว ทำให้ร้านแฟมิลี่มาร์ทต้องปรับแผนการดำเนินธุรกิจ ด้วยการหันมาชูจุดแข็งของตัวเองที่มีอยู่เป็นกลยุทธ์หลักในการทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นการชูกลิ่นไอรูปแบบร้านที่มีความเป็นญี่ปุ่น การนำสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นมาจำหน่าย หรือการออกมาเปิดตัวร้านรูปแบบใหม่ๆ เข้าทำตลาด เพื่อเจาะเข้าถึงชุมชนได้ง่ายขึ้น
นายณัฐ วงศ์พาณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์แฟมิลี่มาร์ท กล่าวว่า การแข่งขันของธุรกิจร้านสะดวกซื้อตอนนี้ค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่เจ้าตลาดเองก็ออกมาทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการเปิดสาขาใหม่ ซึ่งจากการแข่งขันที่รุนแรงดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทต้องแร่งสร้างจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจ พร้อมกับสร้างความแตกต่างในด้านของการทำการตลาดมากขึ้น
กลยุทธ์แรกที่ร้านแฟมิลี่มาร์ทเลือกนำมาใช้ คงจะหนีไม่พ้นการเปิดสาขาใหม่ เพราะถ้ามีสาขามากก็จะทำให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น ซึ่งจากการแข่งขันที่รุนแรงทำให้ผู้บริหารร้านแฟมิลี่มาร์ทออกมายอมรับว่า ทำเลในการเปิดร้านใหม่หายากขึ้น เพราะทำเลดีๆ มีศักยภาพ ล้วนถูกจับจองไปเกือบหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากความสำเร็จของการยึดหัวหาดเมืองท่องเที่ยวหลักไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต พัทยา ชลบุรี หรือสมุย ส่งผลให้ร้านแฟมิลี่มาร์ทยังคงปักหลักเดินหน้าขยายสาขาในเมืองท่องเที่ยวดังกล่าวต่อไป เพราะมั่นใจว่ายังมีช่องว่างให้เข้าไปเปิดร้านใหม่ได้อีกมาก เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากจะมีร้านขนาดใหญ่เปิดให้บริการไปเกือบ 1,000 สาขาแล้ว ร้านแฟมิลี่มาร์ทยังได้มีการแตกไลน์รูปแบบร้านใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งรูปแบบร้านล่าสุดที่ได้ทดลองเปิดให้บริการไปเมื่อ 1-2 เดือนที่ผ่านมา คือ รูปแบบคิออส หรือร้านขนาดเล็ก และรูปแบบโมบาย หรือรถจำหน่ายสินค้า
สำหรับในส่วนของร้านรูปแบบคิออส จะใช้พื้นที่ในการเปิดร้านเฉลี่ยที่ประมาณ 20-30 ตร.ม. มีสินค้าจำหน่ายประมาณ 700-1,000 รายการ ซึ่งน้อยกว่าสาขาปกติที่จะมีสินค้าจำหน่ายประมาณ 3,000-5,000 รายการ โดยทำเลหลักที่จะยึดเป็นหลักในการเปิดสาขาคิออส คือ แหล่งชุมชนต่างๆ และโรงพยาบาล รวมไปถึงอาคารสำนักงานทั่วไป ซึ่งขณะนี้มีจำนวนร้านรูปแบบคิออสเปิดให้บริการแล้วประมาณ 5-6 สาขา
ส่วนร้านรูปแบบโมบาย หรือรถจำหน่ายสินค้า ถือเป็นร้านรูปแบบใหม่ที่บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท คิดขึ้นมา และเปิดตัวให้บริการในประเทศไทยเป็นประเทศเทศแรก ซึ่งหลังจากทดลองเปิดให้บริการในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ปรากฎว่าได้รับความสนใจจากลูกค้าและคู่ค้าจากประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างดี เนื่องจากร้านแฟมิลี่มาร์มโมบาย ยังไม่มีให้บริการในประเทศอื่นๆ
ปัจจุบันมีรถแฟมิลี่มาร์ทโมบายวิ่งให้บริการตามแหล่งชุมชนต่างๆ เช่น ตลาดนัดจตุจักร นอกจากนี้ยังมีอีก 1 คัน ในเขตพื้นที่พัทยา และในเร็วๆนี้จะเพิ่มอีก 1 คันใน จ.ภูเก็ต เนื่องจากร้านแมฟมิลี่มาร์ทมีความแข็งแกร่งตามแหล่งท่องเที่ยว จึงได้เลือกนำรถแฟมิลี่มาร์ทโมบายไปเปิดให้บริการตามแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งในส่วนของสินค้าที่จำหน่ายในรถจะมีอยู่ประมาณ 500-600 รายการ โดยหลังจากที่ทดลองเปิดให้บริการที่จตุจักรในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี
นายณัฐ กล่าวว่า กลุ่มสินค้าอาหารพร้อมทาน ถือเป็นอีกกลุ่มสินค้าที่จะหันมาให้ความสำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคคนไทยมีความต้องการในกลุ่มสินค้าดังกล่าวสูง ซึ่งหลังจากบริษัทเข้ามาบริหารงานในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมได้ทำการเพิ่มรายการสินค้าอาหารพร้อมรับประทานเข้าไปในร้านแฟมิลี่มาร์ทเป็นกว่า 20% แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้มีสัดส่วนไม่ถึง 20% และในอนาคตอันใกล้นี้คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนกลุ่มสินค้าอาหารเพิ่มเป็น 30% ได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ กลุ่มสินค้าอาหารสด เช่น ผัก และผลไม้ ร้านแฟมิลี่มาร์ทก็มีแผนที่จะเพิ่มรายการอาหารเข้ามาในร้านเช่นกัน จากปัจจุบันได้เริ่มทดลองนำแอปเปิ้ล และกล้วยเข้ามาจำหน่ายบ้างแล้ว เนื่องจากต้องการเพิ่มความหลากหลายในสินค้า ซึ่งกลุ่มสินค้าผักและผลไม้ถือเป็นกลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคให้ความนิยม เช่นเดียวกับสินค้าญี่ปุ่นที่จะหันมาให้ความสำคัญ เนื่องจากต้องการตอบโจทย์แนวทางการดำเนินธุรกิจของร้านแฟมิลี่มาร์ทที่ต้องการให้มีกลิ่นไอความเป็นญี่ปุ่น ซึ่งในอีก 3 ปีนับจากนี้ คาดว่าจะมีสัดส่วนสินค้าญี่ปุ่นจำหน่ายในร้านแฟมิลี่มาร์ทอยู่ที่ประมาณ 20%จากปัจจุบันมีอยู่ 10% และเพิ่มเป็น 30% ในอีก 5 ปี
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ นายณัฐ กล่าวว่า ยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้มีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 200 สาขา โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ได้ทำการเปิดสาขาใหม่ไปแล้วกว่า 100 สาขา ส่งผลให้ปัจจุบันร้านแฟมิลี่มาร์ทมีจำนวนสาขาที่เปิดให้บริการอยู่ที่ประมาณ 913 สาขา คาดว่าสิ้นปีจะเปิดเพิ่มเป็น 1,000 สาขา ภายใต้งบลงทุนรวมปีนี้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท และในอีก 4 ปี คาดว่าจะเพิ่มเป็น 3,000 สาขาตรงตามเป้าหมายที่วางไว้
ในด้านของแผนการทำตลาดร้านแฟมิลี่มาร์ท จะไปเน้นในด้านของการทำสื่อโฆษณาทีวี แต่จะเน้นในด้านของการทำกิจกรรมการตลาด และการเป็นผู้สนับสนุนในงานต่างๆ ซึ่งล่าสุดได้เข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนการจัดแสดงคอนเสิร์ตของบริษัท เอไทม์ ในเครือของบริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ เนื่องจากต้องการสร้างแบรนด์ร้านแฟมิลี่มาร์ทให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
ส่วนการทำกิจกรรมการตลาด ล่าสุดได้จัดงาน แฟมิลี่มาร์ท เฟสติวัล 2013 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว เป็นระยะเวลา 7 วัน เพื่อตอบแทนลูกค้าที่อยู่เคียงคู่กันมา 21 ปี สำหรับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ด้วยการจำหน่ายสินค้าพิเศษเฉพาะแฟมิลี่มาร์ท และสินค้าพร้อมเสิร์ฟครั้งแรกภายในงาน ภายใต้แนวคิด "Japanese Heritage" โดยจะเนรมิตบรรยากาศภายในงานเหมือนมาช้อปที่ประเทศญี่ปุ่น ให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่แตกต่างในการจับจ่ายที่จัดขึ้นโดยร้านสะดวกซื้อ สะท้อนเอกลักษณ์ของร้านแฟมิลี่มาร์ทที่ได้ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ร้านแฟมิลี่มาร์ท ยังได้พัฒนาระบบใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตงานนี้เป็นครั้งแรก ด้วยการจับมือร่วมกับบริษัท วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (เอเชีย-แปซิฟิค) ขณะเดียวกันยังได้มีการนำเสนอสินค้าอาหารพร้อมทานและสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษที่มีจำหน่ายเฉพาะที่แฟมิลี่มาร์ท เช่น สินค้า Hello Kitty, ขนมสัญชาติญี่ปุ่น FamilyMart Collection และอาหารพร้อมเสิร์ฟต่างๆ มาบริการลูกค้าในงานดังกล่าว ซึ่งจะจัดถึงวันที่ 28 ส.ค. นี้ ซึ่งหลังจากจบงานคาดว่าจะมีลูกค้าสนใจเข้าร่วมงานกว่า 1 ล้านคน และมียอดขายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ หลังจากจบการจัดงานดังกล่าวที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว จะมีการจัดงานในรูปแบบดังกล่าวต่อไปอีก 8 ครั้ง ในหัวเมืองใหญ่ คือ เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช, เซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น, เซ็นทรัลพลาซา พระราม9, เซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี, เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ และที่เซ็นทรัลพลาซา สุราษฎร์ธานี ซึ่งหลังจากออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดและเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารร้านแฟมิลี่มาร์ทมั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 14,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 12,000 ล้านบาท ภายหลังจากช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาทำรายได้เติบโตไปแล้วประมาณ 18%
ข่าวเด่น