กลุ่มซีไอเอ็มบี (CIMB Group Holdings Berhad) ประกาศผลประกอบการครึ่งปีบัญชี 2556 (ครึ่งปี 1/56) มีกำไรสุทธิ 2.44 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.1% จากปีที่ผ่านมา และคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 32.6 เซ็น (sen) อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ในไตรมาส 1/56 คิดต่อปีเท่ากับ 16.6% นอกจากนี้ กลุ่มซีไอเอ็มบีประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแรกในอัตราหุ้นละ 12.82 เซ็น ในรูปของเงินสดหรือการลงทุนภายใต้ dividend reinvestment scheme (DRS) เงินปันผลระหว่างกาลทั้งสิ้นคิดเป็นจำนวนจ่ายสุทธิ 9,760 ล้านบาท หรือเท่ากับอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 40% ของกำไรสุทธิในครึ่งปี 1/56
“กลุ่มซีไอเอ็มบีมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งด้านธุรกิจเพื่อผู้บริโภคและบรรษัทธุรกิจภูมิภาคในมาเลเซียและสิงคโปร์ รวมทั้งมีการพัฒนาปรับตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องในสิงคโปร์และประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายสำหรับ CIMB Niaga และตลาดธุรกิจบริหารเงิน ผลประกอบการครึ่งปี 1/56 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกำไรคำนวณครั้งเดียวจากการขายส่วนร่วมทุน 51% ใน CIMB Aviva ซึ่งหักกลบกับค่าใช้จ่ายคำนวณครั้งเดียวในไตรมาส 1/56 หากไม่รวมรายการเหล่านี้ กำไรสุทธิของกลุ่มจะต่ำกว่านี้” ดาโต๊ะ ศรี นาเซียร์ ราซัค ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มซีไอเอ็มบี กล่าว
สำหรับผลประกอบการของกลุ่มซีไอเอ็มบีเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมานั้น รายได้รวมของ กลุ่มซีไอเอ็มบีสำหรับครึ่งปี 1/56 เท่ากับ 7.39 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโต 8.1% ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยขยายตัวถึง 20.1% โดยเป็นผลมาจากกำไร 5,150 ล้านบาท จากการขายส่วนร่วมทุน 51% ใน CIMB Aviva ในไตรมาส 1/56 หากไม่รวมรายการนี้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจะลดลง 2.2% กลุ่มซีไอเอ็มบีมีกำไรก่อนหักภาษี (PBT) 3.105 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโต 10.5% ซึ่งจะลดลง 0.7% จากอัตรานี้หากไม่รวมกำไรที่คำนวณครั้งเดียวดังกล่าวและค่าปรับโครงสร้างจำนวน 2,000 ล้านบาท
ดาโต๊ะ ศรี นาเซียร์ ราซัค กล่าวถึงแนวโน้มสภาวะธุรกิจในอนาคตว่า ขณะนี้เรากำลังอยู่ในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจระดับมหภาคที่ท้าทายมากขึ้นซึ่งเราก็ได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว เราต้องรับมือกับสภาวะที่เงินทุนหลักไหลกลับไปยังตลาดประเทศที่พัฒนาแล้ว แนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงของเอเชียทำให้ตลาดการเงินในภูมิภาคนี้มีความผันผวนและประสบกับความเสี่ยงด้านต่างๆ ธนาคารทั้งหลายจึงต้องปรับตัวให้พร้อมรับกับกฎระเบียบใหม่ๆจากหน่วยงานกำกับดูแลที่พยายามหาทางลดความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจของประเทศตน
“เราจะเน้นบริหารธุรกิจธนาคารด้วยความรัดกุมในช่วงเวลานี้ แต่ในขณะเดียวกันเราก็จะแสวงหาโอกาสที่จะช่วยเหลือลูกค้าที่ดีของเราให้ผ่านพ้นปัญหาอุปสรรคต่างๆในภาวะที่ตลาดผันผวนเช่นนี้ไปให้ได้ กลุ่มฯคาดหวังว่าในระดับปฏิบัติการ เราจะสามารถทำผลประกอบการที่ดีขึ้นได้ในครึ่งปี 2/56 จากการที่มีพลวัตรหนุนเนื่องในธุรกิจเพื่อผู้บริโภคและบรรษัทธุรกิจภูมิภาคในมาเลเซียและสิงคโปร์ และมีการไหลของเงินทุนในตลาดบริหารเงินมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ดีลธุรกิจวาณิชธนกิจอาจมีการชะลอตัวลงบ้าง แม้ว่าดีลในระหว่างดำเนินการของเราขณะนี้จัดว่ายังไปได้ดีอยู่ก็ตาม" นาเซียร์กล่าวสรุป
ข่าวเด่น