บทความในวันนี้ของผมจะกล่าวถึงปัญหาที่มีผู้ฟังที่ผมไปออกรายการ “เครดิตเงิน...เครดิตบูโร” เพื่อการสื่อสารทำความเข้าใจในเรื่องที่ถูกต้องเกี่ยวกับประเด็นการวางแผนที่จะก่อหนี้ การวางแผนการชำระหนี้ การออม และตลอดจนการแก้ไขปัญหาหนี้สินจากประชาชนที่ทั้งมีภาระหนี้สิน และผู้ที่ไม่มีหนี้สิน
จากการออกรายการทุกวันจันทร์ เวลา 11.05 – 12.00 น. ผ่านลุงแจ่มออนแอร์ สถานีคมชัดลึกทีวี ทำให้ผมได้พบข้อเท็จจริงจากการบอกเล่าของผู้คนที่ตั้งคำถามเข้ามาในรายการเป็นจำนวนมาก ข้อมูลอันเป็นประโยชน์นี้ ไม่ว่าจะเกิดจากความไม่พอใจ ไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่องที่ถูกต้องของผู้คน เครดิตบูโรจะนำมาขยายผลและดำเนินการต่อไป
ในโอกาสนี้ผมขอนำเอาคำถามที่น่าสนใจมาลองเสนอให้กับท่านผู้อ่านได้ลองคิดตามนะครับ
1. คำถามมีอยู่ว่า เคยเป็นหนี้บัตรกดเงินสด เนื่องจากต้องนำเงินออกมาใช้รักษาตนเองที่เจ็บป่วยกระทันหัน ต่อมาพยายามชำระหนี้แต่ว่าไม่ไหว ได้โทรไปเจรจาต่อรองขอให้มีการพิจารณาลดหนี้ลงมาบางส่วน แล้วจะทยอยผ่อนที่เหลือ เมื่อไม่ได้รับคำตอบทางลูกหนี้จึงหยุดจ่าย ย้ายที่ทำมาหากินไปยังที่ใหม่ ปัจจุบันก็ทำมาหาเลี้ยงชีพได้ในระดับหนึ่ง เมื่อมาคิดถึงเงินที่ค้างก็เกรงว่าจะถูกตามหนี้ ถูกฟ้องหนี้จากเจ้าหนี้ หรือบริษัทติดตามหนี้ที่ได้มีจดหมายมาทวงถาม และในรายละเอียดพบว่าบัญชีเงินกู้นั้นมีการโอนขายจากสถาบันที่เป็นเจ้าหนี้มายังบริษัทติดตามหนี้สิน หากเป็นตามที่เล่ามาแล้วอยากทราบว่าตนเองจะมีปัญหาอะไรหรือไม่เวลานี้_แต่ไม่เคยที่คิดจะไปเอาเงินกู้ใหม่จากที่ไหนอีกแล้ว
2. ก่อนตอบคำถามในรายละเอียด ผมได้สอบถามเป็นประเด็นให้คิดว่า หากท่านที่ถามไปให้เพื่อนกู้ ต่อมาเพื่อนท่านนั้นไม่จ่าย วางเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แล้วเพื่อนที่ยืมเงินไปท่านนั้นโทรหาตัวเจ้าหนี้เพื่อขอลดหนี้ลงมาบ้าง ท่านที่เป็นเจ้าหนี้เป็นเจ้าของเงินที่ถูกยืมไปนั้นท่านว่าเขาจะยอมหรือไม่ คำตอบคือไม่มีใครยอมลดหนี้ให้ เพราะหลักคิดง่ายๆ เอาไปเท่าใดก็ต้องใช้หนี้เต็ม บวกกับดอกเบี้ย เรียกว่ายึดหลักเป็นหนี้ต้องใช้หนี้ สัญญาต้องเป็นสัญญา ดังนั้นเมื่อเราคิดกับเงินเราอย่างไร เจ้าหนี้ก็คิดกับเงินเขาอย่างนั้น สรุปเมื่อเราเป็นหนี้ เป็นลูกหนี้ ก็ต้องเข้าใจคนที่เป็นเจ้าหนี้นะครับว่าเขาไปเอาเงินมาจากคนฝากเงินอีกทีหนึ่งมาให้กับคนที่เป็นลูกหนี้_เงินนั้นไม่ใช่เงินของนายธนาคาร_หากทำไม่ถูกต้องก็เสี่ยงที่จะถูกดำเนินการทางกฎหมาย
3. ตามข้อเท็จจริงข้อ 1 และข้อ 2 ประวัติของคนที่เป็นลูกหนี้รายนี้ก็ยังอยู่ในเครดิตบูโรและแสดงรายละเอียดว่า บัญชีนี้ถูกโอนขายออกไป รายละเอียดเดือนก่อนถูกโอนขายก็จะมีประวัติว่าค้างชำระตามข้อเท็จจริง เพราะว่าไม่มีการชำระหนี้ตามสัญญา โอนขายกันเมื่อ มีนาคม 2556 ข้อมูลรายละเอียดทุกบรรทัดของบัญชีนี้จะถูกลบหายออกไปจากระบบในเดือนมีนาคม 2559 นะครับ ดังนั้น ท่านที่เป็นลูกหนี้จึงต้องเร่งเจรจากับบริษัทติดตามหนี้ในการชำระหนี้ให้จบโดยเร็ว จะมีส่วนลดอย่างไรก็ว่าให้จบ_เมื่อชำระหนี้หมดแล้วให้นำเอาเอกสารการปิดบัญชีชำระหนี้ครบถ้วนมายื่นเรื่องที่เครดิตบูโร เพื่อให้บันทึกประวัติข้อมูลการชำระหนี้ไว้เหนือบัญชีที่มีการขายออกไปนั้นนั่นเอง
4.สถาบันการเงินที่เข้ามาดูเขาจะได้เห็นเรื่องว่าบัญชีนี้ปิดไปแล้วอย่างสมบูรณ์นั่นเอง หลักมีอยู่ว่า ลูกหนี้จะมีอิสระทางการเงินก็ต่อเมื่อตนเองหมดหนี้และที่สำคัญต้องมีออมไว้ด้วยในระยะต่อมา จึงจะเรียกว่ามีความมั่นคงในการดำรงชีวิตครับ
สุรพล โอภาสเสถียร
ผู้จัดการใหญ่
บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด
ข่าวเด่น