แม้ว่าการแข่งขันในตลาดร้านกาแฟจะมีความรุนแรง เนื่องจากมีผู้เล่นเพิ่มมากขึ้น แต่ บริษัท ฟิโก้ คอฟฟี่ ในเครือฟิโก้ กรุ๊ป ก็ไม่ได้รู้สึกกลัวกับการแข่งขันดังกล่าว โดยในปีที่ผ่านมาได้ทำการเปิดตัวร้านกาแฟภายใต้ชื่อ "เดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ" เข้ามาชิมลางทำตลาดจำนวน 3-4 สาขา ในศูนย์การค้าใจกลางเมือง
จากผลการตอบรับที่ดีของลูกค้า ส่งผลให้บริษัท ฟิโก้ คอฟฟี่ มีแผนที่จะเดินหน้าธุรกิจร้านกาแฟ เดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ ต่อ ด้วยการวางตำแหน่งทางการตลาดเป็นร้านกาแฟพรีเมียมเทียบชั้นร้านสตาร์บัคส์ เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่มีถื่นกำเนิดมาอย่างยาวนานจากแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
น.ส.วรวรรณ วนัสพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ฟิโก้คอฟฟี่ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ ร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ ในเครือฟิโก้ กรุ๊ป กล่าวว่า หลังจากเปิดร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ สาขาแรกในช่วงเดือน ต.ค.ปีที่ผ่านมา และจบลงด้วย 4 สาขาในสิ้นปี 2555 ได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เนื่องจากภายในมีสินค้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่มีทั้งชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่นๆ แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ทรีลาเต้ สินค้าแนะนำของร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ
นอกจากจะมีเครื่องดื่มชนิดต่างๆ ให้ลูกค้าได้เลือกรับประทานกันแล้ว ภายในร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ ยังมีอาหารว่าง เช่น เบเกอร์รี่ ครัวซอง และอาหารเบาประเภทสลัด เพื่อเป็นทางเลือกของลูกค้า ซึ่งในเร็วๆ นี้ บริษัท ฟิโก้ คอฟฟี่ ก็มีแผนที่จะเพิ่มเมนูอาหารหนัก เช่น สปาเก็ตตี้ พาสต้า และลาซานญ่า เข้ามาให้บริการเพิ่มเติม
น.ส.วรวรรณ กล่าวว่า แม้ว่าการแข่งขันในธุรกิจร้านกาแฟจะมีความรุนแรง แต่ก็ยังมีช่องว่างให้เข้าไปทำตลาดอีกมาก เนื่องจากปัจจุบันการบริโภคกาแฟของคนไทยเปลี่ยนไป คือ หันมาบริโภคเพื่อความสุนทรีมากขึ้น ซึ่งในส่วนของบริษัทก็มีจุดเด่นในด้านของการชงชาและกาแฟทุกแก้วด้วยมือ นอกจากนี้ ยังมีเมนูที่มีความหลากหมาย จึงทำให้แต่ละสาขาที่เปิดให้บริการอยู่ในขณะนี้ ได้ผลการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ปัจจุบัน ร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ มีจำนวนสาขาเปิดให้บริการอยู่ที่ประมาณ 11 สาขา คาดว่าสิ้นปีจะเปิดสาขาใหม่ให้บริการครบ 16-17 สาขา ซึ่งแต่ละสาขาจะใช้งบในการลงทุนประมาณ 5-7 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ โดยหากเป็นสาขาเล็กที่จะเน้นเปิดให้บริการในอาคารสำนักงานและโรงพยาบาล จะมีพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 60 ตร.ม. แต่ถ้าเป็นสาขาขนาดใหญ่จะมีพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 100 ตร.ม. เน้นเปิดให้บริการภายในศูนย์การค้า
ในด้านของทำเลการเปิดให้บริการร้านเดอะคอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ จะเน้นไปที่ใจกลางกรุงเทพฯ เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มคนเมืองที่มีกำลังซื้อ อย่างไรก็ตาม จากการขยายตัวของห้างค้าปลีกที่หันไปเปิดสาขาในตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ส่งผลให้บริษัท ฟิโก้คอฟฟี่ มีแผนที่จะนำร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ ไปเปิดสาขาให้บริการในหัวเมืองใหญ่ ซึ่งสาขาแรกที่จะเห็นในปลายปีนี้ คือ ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่
ขณะเดียวกันก็จะทำการเปิดสาขาแรกในโรงพยาบาลกรุงเทพในช่วงปลายปีนี้เช่นกัน เพื่อให้ร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้น ซึ่งหลังจากเปิดร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ มาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา สินค้าที่มียอดขายมากที่สุด ยังคงเป็นกลุ่มเครื่องดื่ม ไม่ว่าจะเป็นในส่วนอาคารสำนักงาน หรือห้างค้าปลีก ส่งผลให้ปัจจุบันรายได้หลักประมาณ 80% มาจากกลุ่มสินค้าเครื่องดื่ม และอีก 20% มาจากอาหาร
อย่างไรก็ตาม จากการที่ชื่อร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ มีความใกล้เคียงกับร้านคอฟฟี่บีนส์ บาย ดาว น.ส.วรวรรณ ยอมรับว่า ผู้บริโภคมีความสับสนใจเรื่องของแบรนด์พอสมควร ซึ่งจากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทต้องออกมาทำกิจกรรมทางการตลาด และโฆษณาประชาสัมพันธ์มากขึ้น เพื่อสร้างแบรนด์ร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มมีการทำโฆษณาผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร เพื่อสร้างการรับรู้ในร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ ว่าเป็นคนละผู้ประกอบการกับแบรนด์ คอฟฟี่บีนส์ บาย ดาว
สำหรับแผนการขยายสาขาร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ ในปี 2557 คาดว่าจะเปิดเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 15-18 สาขา และเพิ่มเป็น 60 สาขาในปี 2559 ซึ่งจากแผนการขยายสาขาดังกล่าว ส่งผลให้บริษัท ฟิโก้คอฟฟี่ คาดการณ์ว่าสิ้นปี 2557 จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 1 เท่าตัว จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้เพียง 8 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากมีจำนวนสาขาเปิดให้บริการเพียง 3–4 สาขาเท่านั้น
การออกมาเดินหน้าขยายสาขาร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ ดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของฟิโก กรุ๊ป ที่ต้องการจะหันมารุกธุรกิจอาหารให้ประสบความสำเร็จเหมือนกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และเทรดดิ้ง ซึ่งนอกจากจะมีร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ เข้าทำตลาดแล้ว ในเครือฟิโก้ กรุ๊ป ยังมีแบรนด์ร้านอาหารที่พัฒนาขึ้นมาเองและซื้อไลน์เซ่นส์มาจากต่างประเทศอีกหลายแบรนด์ เพื่อทำตลาดในประเทศไทยและตลาดต่างประเทศ
นายซานเจย์ ซิงห์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท เอฟโวลูชั่นแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ในเครือฟิโก้กรุ๊ป กล่าว บริษัทมีแบรนด์ร้านอาหารที่พัฒนาขึ้นมาเอง เพื่อเปิดให้บริการในประเทศไทยจำนวน 5 แบรนด์ ประกอบด้วย ร้านมิสเตอร์โจนส์ออร์ปแฟเนจ ร้านคลาวส์ ร้านแม็กกี้ชูวส์ ร้านดิไอรอนแฟรี่ส์ และร้านแฟกัตซ์
ส่วนร้านที่ได้ไลเซ่นส์แฟรนไชส์มาจากต่างประเทศ เพื่อนำเข้ามาทำธุรกิจในไทยมีทั้งหมด 2 แบรนด์ คือ เดอะคอฟฟี่บีน แอนด์ ทีลีฟ และร้านโดมิดโนส์พิซซ่า ซึ่งในเดือน ต.ค.นี้ บริษัท เอฟโวลูชั่นแคปปิตอล ยังมีแผนที่จะเปิดตัวร้านอาหารแบรนด์ใหม่ในกลุ่มของอาหารจานด่วนเข้ามาทำตลาด ภายหลังได้รับไลเซ่นส์ให้สามารถทำตลาดในประเทศไทยได้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
นอกจากจะได้ไลเซ่นส์ทำตลาดในประเทศไทยแล้ว บริษัทเอฟโวลูชั่นแคปปิตอล ยังได้รับไลเซ่นส์แบรนด์ร้านอาหารภายใต้แบรนด์แมกโนเลีย ร้านขายคัพเค้ก จากนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เข้าไปทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่นอีกด้วย ขณะที่แบรนด์อื่นๆ ร้านเดอะคอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ ก็ได้รับไลเซ่นส์ให้เข้าไปขยายธุรกิจในกัมพูชา ส่วนร้านมิสเตอร์โจนส์ ขณะนี้มีผู้สนใจที่จะซื้อแฟรนไชส์เปิดร้านแล้วในเกาหลี สิงคโปร์ และญี่ปุ่น
ปัจจุบันตลาดรวมร้านกาแฟคั่วบดในไทย มีมูลค่าดลาดรวมประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี โดยในแต่ละปีมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ประมาณ 5-10% ขณะเดียวกันคนไทยยังมีอัตราการดื่มกาแฟเพียง 130-150 แก้วต่อคนต่อปี ซึ่งถือว่ายังต่ำมากเมื่อเทียบกับคนญี่ปุ่นที่ดื่มประมาณ 500 แก้วต่อคนต่อปี ส่วนอเมริกาดื่มประมาณ 700 แก้วต่อคนต่อปี
นายซานเจย์ กล่าวว่า ร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ ถือเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดสำหรับธุรกิจอาหารในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีลูกค้าเข้าร้านเฉลี่ย 60,000 บิลต่อเดือน ทุกสาขารวมกัน ส่วนอีกแบรนด์ที่มีอัตราการเติบโตสูงเช่นกัน คือ ร้านโดมิโนพิซซ่า ซึ่งขณะนี้มีจำนวนร้านเปิดให้บริการแล้ว 6 สาขา และจะเปิดเพิ่มอีก 6 สาขาในครึ่งปีหลังนี้
จากผลการตอบรับที่ดีของร้านอาหารทั้ง 2 แบรนด์ ส่งผลให้บริษัท เอฟโวลูชั่นแคปปิตอล มีแผนที่จะเน้นการทำตลาดร้านเดอะ คอฟฟี่บีนส์ แอนด์ ทีลีฟ และร้านโดมิโน่พิซซ่า โดยเบื้องต้นคาดว่าการลงทุนขยายธุรกิจของทั้ง 2 แบรนด์น่าจะใช้งบลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาทในช่วง 4 ปีจากนี้ เพื่อขยายสาขาให้ครบ 70 สาขา ซึ่งจากแผนการดำเนินงานดังกล่าว บริษัท เอฟโวลูชั่นแคปปิตอล คาดว่าจะมีรายได้มาจากธุรกิจอาหารสิ้นปีนี้อยู่ที่ประมาณ 450 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาท ในอีก 4 ปีข้างหน้า
ข่าวเด่น