แบงก์-นอนแบงก์
กรุงไทย เปิดบริการรับคำขอตรวจเครดิตบูโร ผ่าน Internet Banking ขยายครบทุกช่องทางแห่งแรก


แบงก์กรุงไทยผนึกเครดิตบูโร เปิดให้บริการรับคำขอตรวจเครดิตบูโรผ่าน Internet Banking  ขยายการขอตรวจสอบข้อมูลครบทุกช่องทางเป็นธนาคารแรก เพิ่มความสะดวกให้บริการลูกค้าและประชาชน

นายวิเทศ เตชางาม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ รับผิดชอบสายงานผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ แบงกิ้ง ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทยได้ร่วมมือกับบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) ในการให้บริการรับคำขอตรวจเครดิตบูโรผ่าน Internet Banking โดยธนาคารกรุงไทยเป็นธนาคารแห่งแรกที่ให้บริการรับคำขอตรวจข้อมูลเครดิตบูโรครบทุกช่องทาง ได้แก่ เคาน์เตอร์สาขากว่า 1,100 แห่งทั่วประเทศ เครื่อง ATM กว่า 10,000 เครื่อง รวมทั้ง Internet Banking เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าและประชาชนทั่วไป

ทั้งนี้ การขยายช่องทางบริการรับคำขอตรวจเครดิตบูโร และชำระค่าธรรมเนียมการขอตรวจสอบข้อมูลผ่าน Internet Bangking  เป็นความต้องการที่จะทำให้กรุงไทยเป็นธนาคารแสนสะดวก ช่วยให้ลูกค้าและประชาชนตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะลูกค้าสมัยใหม่ ซึ่งสามารถยื่นขอข้อมูลและชำระค่าธรรมเนียมการขอตรวจสอบข้อมูลเครดิตในคราวเดียวกัน ซึ่งขั้นตอนการยื่นคำขอแบบออนไลน์จะมีแบบฟอร์มกรอกรายละเอียดออนไลน์ จากนั้นทางกรุงไทยจะนำข้อมูลส่งให้กับทางเครดิตบูโร จากนั้นผู้ขอจะได้รับข้อมูลเครดิตบูโรของตนเองทางไปรษณีย์ลงทะเบียนภายใน 7 วัน ซึ่งขณะนี้คิดค่าบริการที่ 150 บาท


“ปัจจุบันมีผู้ยื่นขอข้อมูลเครดิตบูโรจำนวนมากประมาณ 10,000 รายต่อเดือน ถ้ามีบริการทางอินเทอร์เน็ตมาจะช่วยให้สะดวกขึ้น และเดิมการขอข้อมูลเครดิตบูโรต้องไปทำที่สำนักงานเครดิตบูโรเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อธนาคารกรุงไทยเปิดให้บริการทำให้มีผู้ใช้บริการมากถึงครึ่งหนึ่ง”


สำหรับการยื่นขอที่สาขา ลูกค้าสามารถเลือกรับข้อมูลเครดิตได้ถึง 4 แบบ โดยแบบปีละ 1 ครั้ง ค่าธรรมเนียม 150 บาท ปีละ 2 ครั้งค่าธรรมเนียม 250 บาท ปีละ 4 ครั้ง ค่าธรรมเนียม 400 บาท และปีละ 6 ครั้ง ค่าธรรมเนียม 550 บาท


นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า เครดิตบูโรเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพ ทำให้ธนาคารลดความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อได้ดีขึ้น โดยสามารถใช้ดูสถิติแนวโน้มการเป็นสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือ เอ็นพีแอล (NPL) และภาวะสัดส่วนการชำระหนี้ เป็นต้น


ขณะเดียวกัน นายวรภัคยังมองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยชะลอตัวต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยหรือจีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็น 2 ใน 3  แต่โชคดีที่ยังมีต่างประเทศเข้ามาลงทุนผ่านบีโอไอและธนาคารได้จับตาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เชื่อว่าจะไม่ร้ายแรงเหมือนในปี 2540 เพราะเศรษฐกิจไทยยังถือว่าแข็งแกร่ง

อีกทั้งมองว่า โครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และ 3.5 แสนล้านบาท หากมีความชัดเจนและสถานการณ์การเมืองไม่รุนแรง จะช่วยกระตุ้นและพยุงเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ดี แม้ไม่มีทั้ง 2 โครงการดังกล่าว กรุงไทยยังคงเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 7.5% หรือ 1.5 เท่าของ GDP ที่คาดว่าจะโต 5% 


สำหรับการปล่อยสินเชื่อนั้นมีแนวโน้มว่าหนี้ครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น แต่ธนาคารจะดูความสามารถในการชำระหนี้มากกว่าหลักประกัน สำหรับลูกค้า SME  นั้น ธนาคารจะติดตามดูทุกเดือน ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นขนาดกลางและใหญ่ ถือว่ามีคุณภาพพอสมควร ส่วนบริษัทใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์มีหนี้สินน้อย อย่างไรก็ตามไม่ได้ประมาท ทุกภาคส่วนต้องระวัง ส่วนการปล่อยสินเชื่อภาครัฐอยู่ที่ 10% และไม่มีความเสี่ยง


ด้าน นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ เครดิตบูโร กล่าวว่า เครดิตบูโรขอเชิญชวนประชาชนตรวจสุขภาพเครดิต (ตรวจเครดิตบูโร) ของตนเอง ตามการรณรงค์สร้างวัฒนธรรม “ออมก่อนกู้ คิดก่อนใช้ มีวินัยเมื่อมีหนี้” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีการวางแผนการเงินพร้อมมีวินัยในการรักษาเครดิตของตนเอง โดยประชาชนสามารถตรวจสอบสถานะก่อนการกู้เงิน และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเครดิตที่อยู่ในรายงานเครดิตบูโรได้ ซึ่งความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยในครั้งนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ว่าธนาคารกรุงไทยเล็งเห็นความสำคัญของการรณรงค์ให้ประชาชนตรวจเครดิตบูโร ซึ่งถือว่าเป็นธนาคารแห่งแรกที่ให้บริการรับคำขอตรวจเครดิตบูโรครบทุกช่องทาง

นอกจากนี้ นายสุรพลได้แสดงความเป็นห่วงสินเชื่อบุคคล เพราะมีการกู้เป็นก้อน ผ่อนเป็นงวดและอิงกับรายได้ โดยหวั่นว่าอาจนำไปใช้ซื้อของฟุ่มเฟือย เวลานี้เครดิตบูโรดูแล 14 ล้านบัญชี ซึ่งคาดว่าประมาณ 3% เป็น NPL  ซึ่งเป็นหนี้ค้างชำระ 3 งวด เพราะถ้าค้างเกิน 6 เดือน ธนาคารจะตัดขายให้กับบริษัทติดตามหนี้เพื่อให้เป็นผู้ติดตามหนี้ต่อไป 
 


 


LastUpdate 11/09/2556 10:03:03 โดย : Admin
28-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 28, 2024, 2:46 pm