สุขภาพ
สมาคมแพทย์ผิวหนังฯเตือนวัยรุ่นไทย ใช้'ครีมทาผิวขาว'เสี่ยง


  
ปัญหาความรักสวยรักงาม อยากขาวของวัยรุ่นไทยได้นำปัญหามาสู่ตัวเองเป็นข่าวให้เห็นกันหลายครั้งหลายครา ล่าสุดมีปัญหาการใช้ครีมทาผิวขาวทำให้ผิวไหม้แตกลาย ทำให้ทางสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยต้องออกมาให้ความรู้กันรอบใหม่ เพื่อไม่ให้เด็กวัยรุ่นไทยต้องตกอยู่ในความเสี่ยง ที่อาจถึงขั้นเป็น "มะเร็งผิวหนัง"      

ผศ.พญ.สุวิรา กร  โอภาสวงศ์ ประธานประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากกรณีเด็กนักเรียนได้หันมาใช้ครีมทาผิวขาวที่มีส่วนผสมของสารโคเบตาซอล (สเตอรอยด์) และเกิดอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะผิวหนังเกิดอาการไหม้ แตกลายสีขาว มีรอยแดง มีลักษณะเหมือนคนอ้วนหรือคนตั้งครรภ์นั้น ขอให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไป ควรระมัดระวังในการเลือกใช้ครีมทาผิวขาวเหล่านี้  ทั้งในส่วนที่วางขายตามท้องตลาดทั่วไป หรือตามเว็บไซต์ต่างๆ ขอให้หยุดการใช้ครีมเหล่านี้ทันที เนื่องจากlสารโคเบตาซอล เป็นสเตอรอยด์ ชนิดที่แรงที่สุด เอาไว้รักษาโรคผิวหนังอักเสบที่เป็นเรื้อรัง หรือเป็นผื่นหนา และมีคำเตือนเลยว่าห้ามใช้ติดต่อกันเกิน 4 สัปดาห์ 

สารดังกล่าวจัดเป็นยาและไม่สามารถอยู่ในเครืองสำอางได้ สารชนิดนี้ออกฤทธิ์ที่ผิวหนังถึงชั้นแท้และอาจเป็นผลถาวร ซึ่งผลของมันนอกเหนือจากการไปยับยั้งเม็ดสียังไปรบกวนเรื่องของการสร้างอิลาสอินคอลเจนของผิวหนังแล้ว ยังทำให้เกิดการแตกลายงาของผิวหนัง ทำให้ผิวบางและเส้นเลือดขยาย ถ้าไปทาที่หน้า หรือบริเวณที่มีต่อมไขมันเยอะจะทำให้เกิดสิวได้ ซึ่งรักษายากกว่าสิวทั่วไปด้วย และเมื่อผิวบางโดนอะไรจะแพ้ง่ายและที่สำคัญทำให้ มีโอกาสเสี่ยงเป็น "มะเร็งผิวหนัง" ได้ด้วย

ก่อนหน้านี้ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย โดย พล.ท.นพ.กฤษฎา ดวงอุไร นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ได้ออกมาเตือนเรื่องกระแสผิวขาวว่า ปัจจุบันได้เกิดกระแสความนิยมการมีผิวที่ขาว  โดยเฉพาะจากการโฆษณาของผลิตภัณฑ์ทำให้ผิวขาวในสื่อต่างๆ ซึ่งไม่ได้เน้นแต่เฉพาะที่ใบหน้าและแขนขา แต่ได้สร้างกระแสไปถึงที่ผิวบริเวณซอกแขน ข้อศอก หัวเข่า  ขา น่องและจุดซ่อนเร้นอื่นๆ ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ มีความจำเป็นหรือไม่ อย่างไรและมีประสิทธิภาพแค่ไหน ซึ่งโดยทางวิชาการแล้ว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ได้มีความจำเป็นแต่อย่างใด  

พล.ท.นพ.กฤษฎา กล่าวว่า โดยหลักการแล้วร่างกายของเราสามารถสร้างสีผิวขึ้นมา  ซึ่งเป็นเสมือนการสร้างเกราะป้องกันอันตรายจากรังสีโดยเฉพาะรังสีอัลตราไวโอเล็ตหรือรังสียูวีในแสงแดด โดยตัวการที่ทำให้ผิวของเรามีสีที่แตกต่างกัน  เช่น สีผิวสีขาว    สีแทน    หรือสีดำ อย่างที่เห็น ก็คือเม็ดสีที่ทางวิชาการเรียกว่า เมลานิน  ซึ่งจะทำหน้าที่ดูดกลืนรังสียูวีเอาไว้ ไม่ให้ผ่านมาทำอันตรายถึงผิวหนังชั้นในและอวัยวะภายใน ดังนั้นการกระทำใดๆ ที่พยายามกำจัดปริมาณเมลานินเพื่อให้ผิวขาวขึ้น ก็เท่ากับเป็นการลดเกราะคุ้มกันตามธรรมชาติที่เรามีอยู่  

โดยทั่วไปผิวหนังของคนทั่วไป จะแบ่งตามความเข้มของผิวเป็น 6 ขั้น ของคนไทยจะอยู่ในส่วนของขั้นที่ 3-4 ซึ่งเป็นผิวหนังที่เหมาะกับการป้องกันแสงแดดได้ดี แต่สามารถเป็นฝ้าได้ง่าย มากที่สุด เพราะมีการสร้างเม็ดสีได้ดี ซึ่งการรักษาผิวพรรณด้วยการฟอกผิวขาว จำเป็นจะต้องศึกษาก่อนว่า ผิวส่วนไหนบางกว่าปกติ ส่วนไหนต้องถูกกับรังสียูวีมากกว่าปกติ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดอาการผื่นคัน แพ้ หรือบริเวณที่ถูกแสงแดดมักจะเป็นฝ้าได้ง่ายขึ้น  การใช้ยาชนิดทาจะค่อนข้างปลอดภัยมากกว่ายาชนิดอื่น ๆ โดยทาบางๆก็จะดูดซึมลงไปเพียงแค่ผิวหนังชั้นต้น แต่หากตัวยาซึมเข้าไปสู่กระแสเลือด ก็จะเกิดอันตรายไปสู่อวัยวะภายในร่างกายได้

 
 


 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 14 ก.ย. 2556 เวลา : 14:03:55
22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 11:15 pm