สุขภาพ
"พริกไทย" สมุนไพรป้องกัน "อัลไซเมอร์"


สมุนไพร ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องเทศใกล้ตัวภายในบ้านที่รู้จักกันดีอย่างหนึ่งได้แก่ “พริกไทย” หรือ “พริกน้อย” (Pepper) แต่ใครจะรู้บ้างว่า สมุนไพรชนิดนี้มีประโยชน์สารพัดอย่าง รวมถึงปกป้องสมองจากภาวะสมองเสื่อมที่เรียกกันว่า “อัลไซเมอร์”  

 

พริกไทยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Piper nigrum L. อยู่ในวงศ์PIPERACEAE  มีถิ่นกำเนิดอยู่ในอินเดียและเป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันประเทศในอาเซียน อย่างเวียดนามได้กลายเป็นผู้ผลิตและส่งออกพริกไทยรายใหญ่ที่สุดของโลกไปแล้ว ส่วนอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ก็ยังคงเป็นแหล่งผลิตพริกไทยที่สำคัญ
 
พริกไทย จัดเป็นเครื่องเทศรสเผ็ดที่ใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทยมาช้านาน มีตำรับอาหารมากมายที่จะขาดพริกไทยไม่ได้ เช่น แกงเลียง คั่วกลิ้ง และสำหรับการใช้เป็นยานั้น พริกไทยเป็นสมุนไพรที่ปรากฏอยู่ในตำรับยามากที่สุดชนิดหนึ่ง อาทิ ตำรับยาเลือด ตำรับยาแก้จุกเสียด ตำรับยาแก้กษัย ตำรับยาแก้ทางเสมหะ หอบหืด ตำรับยาแก้ซาง ตำรับยาแก้ริดสีดวง ซึ่งจะต้องมีพริกไทยเป็นตัวยาอยู่ด้วยเสมอ  
 
 
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า “เป็นที่น่าสังเกตว่า พริกไทย เป็นสมุนไพรที่ไม่ใช้เป็นยาตัวเดียวโดดๆ หรือแม้แต่ในการทำกับข้าวพริกไทยก็ยังต้องเข้าคู่กับเครื่องเทศอื่นๆ เช่น ปลาทอดขมิ้นก็ต้องใส่พริกไทยด้วย หรือ ยามหากำลังปลาช่อน ซึ่งเป็นยาบำรุงท่านชายในอดีต ก็เอาพริกไทยล่อนยัดท้องปลาช่อนเอาไปตากๆ ย่างๆ จนกรอบแล้วบดไว้ละลายน้ำผึ้งกิน  เช่นเดียวกับตำรับยาบำรุงเหงือกปลาหมอ หรือยาบำรุงบัวบก จะต้องมีพริกไทยอยู่หนึ่งส่วนต่อสมุนไพรเหล่านี้สองส่วน ดูเหมือนกับว่าพริกไทยเป็นสมุนไพรที่ต้องทำงานร่วมกับ สมุนไพรตัวอื่น จึงจะเกิดผลดีสูงสุด หมอยาพื้นบ้านมักจะสั่งสอนลูกศิษย์ว่า พริกไทยเป็นยาเสริมพลังยาตัวอื่นเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อน เช่น ตำรับยาขับปัสสาวะต้องใส่พริกไทยลงไปด้วยเจ็ดเม็ด 
 
จากการศึกษาวิจัยสมัยใหม่พบว่า พริกไทยช่วยทำให้ระบบการดูดซึมสารอาหารและตัวยาต่างๆของร่างกายดีขึ้น เช่น เมื่อให้ขมิ้นชันร่วมกับพริกไทย จะทำให้สารเคอร์คิวมินและสารเบต้าแคโรทีนในขมิ้นถูกดูดซึมได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกันพริกไทยจะออกฤทธิ์ต่อทางเดินอาหารได้ดี ก็ต้องมีพริกหรือขมิ้นอยู่ด้วย 
 
การที่พริกไทยเป็นสมุนไพรรสร้อน จึงช่วยแก้โรคที่เกิดจากธาตุไฟพร่องได้ด้วย เช่น ช่วยย่อยอาหาร รักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้โรคที่เกิดจากธาตุน้ำ และธาตุลมกำเริบ พริกไทยเป็นเครื่องยาที่ตามพระสูตรในพระพุทธศาสนาอนุญาตให้พระภิกษุเก็บไว้รักษาตัวได้ และยังอยู่ในตำรับยาของอายุรเวทที่ใช้กันมาประมาณ 4,000 ปี คือ ตรีกฎุก ซึ่งยาตำรับนี้ประกอบด้วย พริกไทย ดีปลี ขิงแห้ง จึงเหมาะเป็นตำรับยาในการดูแลสุขภาพในฤดูฝนซึ่งน้ำมากและเสมหะกำเริบได้ง่าย ส่วยในตำรับยาอายุรเวทของอินเดียมีการใช้พริกไทยทั้งในรูปแบบผงพริกไทยและสารต้มสกัดพริกไทย ในการรักษาแบบพื้นบ้านสำหรับโรคต่างๆ ตั้งแต่ อัมพฤกษ์ อัมพาต คอเจ็บ ไอ คออักเสบ จนถึงปวดฟัน ซึ่งเป็นสรรพคุณที่ใช้กันในยุโรปโบราณด้วยเช่นกัน 
 
ปัจจุบันมีรายการศึกษาฤทธิ์ของพริกไทย พบว่าสารออกฤทธิ์ของพริกไทย คือ สารพิเพอรีน (Piperine) ช่วยให้ระบบย่อยอาหารและลำไส้ทำงานดีขึ้น และกระตุ้นให้ระบบทางเดินอาหารหลั่งน้ำย่อยเพื่อย่อยโปรตีน ไขมัน และแป้ง โดยเฉพาะกลุ่มที่ย่อยโปรตีนได้จะมีมากเป็นพิเศษ ซึ่งสารพิเพอรีนนี้ ยังเพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น เซเลเนียม วิตามินบี เบต้าแคโรทีน เคอร์คูมิน รวมทั้งสารอาหารอื่นๆ และเนื่องจากเป็นสารให้ความร้อน จึงช่วยให้เลือดหมุนเวียนดีขึ้น เพิ่มการเผาผลาญอาหารต่างๆ ทำให้ร่างกายได้พลังงานมากขึ้น เพิ่มการผลิตสารในสมองที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
 
 
ฤทธิ์ที่สำคัญๆ ของสารพิเพอรีนในพริกไทย ยังรวมถึงฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านการชัก ต้านมะเร็ง การที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระทำให้พริกไทยมีแนวโน้มว่า จะช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุได้ เนื่องจากมีการทดลองในหนูที่เซลล์ประสาทส่วนกลางของการรับรู้เสื่อม พบว่า หนูที่มีความจำเสื่อมนี้กลับมาเป็นปกติ นอกจากนี้ยังพบว่า สารสกัดด้วยน้ำของพริกไทยมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง  ฉะนั้นแกงเลียงซึ่งเป็นเมนูที่หนักพริกไทยจึงน่าจะเป็นอาหารต้านมะเร็งอีกอย่างหนึ่ง”
 
อย่างไรก็ตามทุกอย่างดต้องเดินทางสายกลาง ซึ่งมีข้อมูลพบว่า การรับประทานสารพิเพอรรีนในขนาดสูงร่วมกับอาหารที่มีไนไตรท์จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง สารไนไตรท์จะพบมากในอาหารที่ใช้สารกันบูดพวกโซเดียมไนไตรท์ และโปแตสเซียมไนไตรท์ และสารพวกดินประสิวที่ทำให้เนื้อมีสีแดง เช่น ไส้กรอก แหนม กุนเชียง หรือแม้แต่ผักที่เร่งปุ๋ยไนโตรเจนมากๆ จึงควรระมัดระวังในการรับประทาน ถ้าสามารถเลือกบริโภคผักที่ไม่ใช้สารเคมีและทำอาหารกินเองได้ ก็จะช่วยให้ได้ประโยชน์จากการกินพริกไทยได้มากทีเดียว
 
นอกจากนี้ พริกไทย เป็นยาเพิ่มกำลังให้ยาตัวอื่นเช่นเดียวกับดีปลี มีคุณสมบัติทำให้การดูดซึมโอสถสารต่างๆ เข้าสู่ร่างกายสูงขึ้น ดังนั้น เมื่อใดกินยาตำรับที่มีพริกไทยหรือดีปลีต้องระวังการได้รับยาเกินขนาด มีการพบว่าคนที่กินยาแผนโบราณในกลุ่มยาแก้กษัยซึ่งมักจะใส่ยาร้อนลงไปด้วย หากได้รับยาต้านการเข็งตัวของเลือดด้วยจะมีผลทำให้เลือดออกตามอวัยวะต่างๆ ได้
 
 
พร้อมกันนี้ภญ.ดร.สุภาภรณ์ยังแนะตำรับยาที่มีพริกไทยเป็นส่วนผสมมาฝากด้วย ดังนี้คือ
 
ตำรับยาอายุวัฒนะ
 
ซึ่งใช้บอระเพ็ดหนัก 6 บาท, กระเทียมแกง 3 บาท, พริกไทยล่อน 2 บาท, ขิงแห้ง 1 บาท, ลูกยอหนักเท่ายาทั้งหลาย, ยาดำหนัก 3 บาท ยาทั้งหมดตากแดดให้แห้ง ทำเป็นยาผง รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา  วันละ 1 ครั้ง หรือ 2 ครั้งก็ได้ ละลายน้ำผึ้งรับประทานหนึ่งเดือน โรคภัยหายหมด จะมีผิวพรรณวรรณะผ่องใส กลับเป็นหนุ่มเป็นสาว
 
ยามหากำลังปลาช่อน
 
ใช้ปลาช่อนตัวโตๆ ทั้งเกล็ด เอาพริกไทยล่อนยัดท้องปลาให้เต็ม แล้วนำไปย่างไฟพอควร จากนั้น นำไปตากแดด พอแห้งดีนำไปย่างไฟอ่อนๆ ให้แห้งกรอบ แล้วนำไปบดให้ละเอียด ละลายน้ำผึ้ง ปั้นลูกกลอน ขนาดปลายนิ้วก้อย กินครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 เวลา เป็นยาบำรุงกำลังวังชาสำหรับท่านชาย
 
ยาบำรุงกำลังไข่ลวก
ใช้พริกไทยป่น 1 ช้อนชาพูนๆ กับเกลือเล็กน้อย ผสมไข่ลวก 2 ฟองกับน้ำร้อน ตีให้แตก กินทุกเช้า ท่านชายจะมีกำลังวังชา
 
ยาแก้เสมหะ และหอบ
 
ใช้ตรีกฎุก 1 ส่วน, สมอไทย 1 ส่วน, เกลือสินเธาว์ 1 ส่วน ตำเป็นผงละลายน้ำร้อน หรือน้ำส้มงั่ว น้ำส้มซ่า น้ำมะกรูด น้ำขิง น้ำตะไคร้ก็ได้ 
 

LastUpdate 16/09/2556 16:02:38 โดย : Admin
22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 10:54 pm