ยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้ที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง จากนโยบายลดภาษีสรรพสามิตให้กับผู้ที่ซื้อรถยนต์คันแรกของรัฐบาล และกำลังซื้อของประชาชนที่ลดลง ทำให้ผู้ผลิตต่างหันไปเน้นการส่งออกรถยนต์ เพื่อรักษากระตุ้นผลประกอบการไม่ให้ลดลง
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ยอมรับว่า กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ปรับลดสัดส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลง 5 หมื่นคัน จากที่เคยอยู่ที่ระดับ 1.1 ล้านคัน แต่ปรับเพิ่มสัดส่วนการผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 1.15 ล้านคัน โดยยังคงปริมาณการผลิตรถยนต์ทั้งปีที่ระดับ 2.25 ล้านคน ปรับเพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจุบันธุรกิจยานยนต์สามารถส่งออกรถยนต์ได้เพิ่มขึ้น แม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ปรับโครงสร้างภาษีลงเหลือ 0% มาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว และเผชิญกับการกีดกันทางการค้าในรูปแบบต่างๆ ที่ไม่ใช่ภาษี แต่ภาครัฐได้ให้การช่วยเหลือผ่านการเจรจาระหว่างประเทศผ่านทางข้อตกลง FTA
โดยล่าสุด หลังจากบรรลุข้อตกลง FTA กับออสเตรเลีย ยอดส่งออกรถยนต์ของไทยไปออสเตรเลียได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 29% และนับตั้งแต่ต้นปี ยอดส่งออกรถยนต์ในออสเตรเลียก็สูงขึ้นมาต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นจาก 22% เป็น 26%
ด้าน นายวีระพงษ์ ศรีภา ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการท่าเทียบเรือเอ 5 ใน ท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวว่า ปริมาณการส่งออกรถยนต์ผ่านท่าเรือแหลมฉบังปีนี้จะอยู่ที่ 1.2 ล้านคัน สูงกว่าปีก่อน 15% เป็นรถยนต์ที่ผ่านท่าเรือเอ 5 ประมาณ 9 แสนคัน ส่วนอีก 3 แสนคันขนส่งผ่านท่าเรือเอ 1
โดยรถยนต์ที่ส่งออกมากที่สุด คือ รถกระบะ ส่งออกไปประเทศในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม มากที่สุด สัดส่วนประมาณ 31.84% รองลงมาเป็นตะวันออกกลาง 25.45%
ด้านการคืนใบจองรถคันแรก นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต บอกว่า ณ สิ้นเดือนกันยายนหรือสิ้นปีงบประมาณ 2556 กรมฯน่าจะคืนภาษีให้ผู้ซื้อรถคันแรกได้ทั้งสิ้น 4 แสนราย วงเงินทั้งสิ้น 3.25 หมื่นล้านบาท ซึ่งสูงกว่างบประมาณปี 2556 ที่จัดสรรไว้ 7.5 พันล้านบาท โดยส่วนที่เกินมานั้นทางกรมบัญชีกลางได้ใช้เงินจากงบกลางสำรองจ่ายไปก่อน
ซึ่งจากการสอบถามผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ต่างๆ พบว่า มีการส่งมอบรถยนต์ที่เข้าโครงการไปแล้ว 1.8 ล้านคัน ยังเหลืออีกจำนวน 1.6 แสนคัน ที่ค่ายรถยนต์บางแห่งยังส่งมอบไม่หมด โดยคาดว่าจะส่งมอบแล้วเสร็จประมาณต้นปี 2557
ทั้งนี้ จากจำนวนรถยนต์ที่เข้าโครงการทั้งสิ้น 1.25 ล้านคันนั้น กรมสรรพสามิตประเมินว่า น่าจะมีประชาชนทิ้งใบจอง หรือไม่รับรถประมาณ 10% ของจำนวนรถที่เข้าโครงการ หรือกว่า 1.2 แสนคัน ซึ่งถือว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับจำนวนรถที่เข้าโครงการทั้งหมด
ข่าวเด่น