กรุงศรีฯเผยแผนแผนการควบรวมกิจการของธนาคาร BTMU สาขากรุงเทพฯ เข้ากับธนาคารกรุงศรีอยุธยา จะดีเดย์ต้นปี 2557 หลังเสร็จสิ้นการทำ VTO และจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้ธนาคารสามารถให้บริการทางการเงินที่มีความหลากหลายและครบวงจรแก่ลูกค้ากลุ่มต่างๆ ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญของ BTMU ระดับโลกเข้ากับเครือข่ายสาขาของธนาคารในไทย
นางเจนิส แวน เอ็กเคอเรน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ทำจดหมายแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงแผนการรวมธนาคาร BTMU สาขากรุงเทพฯ เข้ากับธนาคารกรุงศรีอยุธยา ว่า ตามที่ธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ จำกัด (the Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ, Ltd. หรือ BTMU) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมาถึงแผนการเข้าซื้อหุ้นของธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน)(“ธนาคาร”) ผ่านการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจ (VTO) วันนี้ธนาคาร และ BTMU ได้บรรลุข้อตกลงในสัญญาซื้อขายกิจการ สินทรัพย์และหนี้สินของ BTMU สาขากรุงเทพฯ แบบมีเงื่อนไข (Conditional Branch Purchase Agreement) และแผนการควบรวม BTMU สาขากรุงเทพฯ เข้ากับธนาคารภายหลังจากการทำ VTO โดยยึดหลักการตามนโยบายสถาบันการเงิน 1 รูปแบบ (One Presence) ของธนาคารแห่งประเทศไทย
โดยเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา ธนาคารได้รับการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้มีสัดส่วนของผู้ถือหุ้นต่างชาติ ได้มากกว่าร้อยละ 49 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
หลังจากการทำ VTO เสร็จสิ้นแล้ว ธนาคารมีแผนการควบรวมโดยซื้อกิจการ สินทรัพย์และหนี้สินของ BTMU สาขากรุงเทพฯ และธนาคารจะชำระค่าตอบแทนการซื้อกิจการดังกล่าว โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของธนาคารจำนวน 1,143,221,782 หุ้นแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่ BTMU ในราคาหุ้นละ 39 บาท โดยการดำเนินการดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาอนุมัติจากหน่วยงานด้านการกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ผู้ถือหุ้นของธนาคาร และผลสำเร็จของเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ทั้งนี้ จำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จะออกและราคาหุ้นของธนาคารอาจมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดว่าด้วยการปรับราคา โดยจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกให้ BTMU จะมีจำนวนสูงสุดไม่เกิน 1,500,000,000 หุ้น ภายใต้สัญญาซื้อขายกิจการ สินทรัพย์และหนี้สินของ BTMU สาขากรุงเทพฯ แบบมีเงื่อนไข
ธนาคาร BTMU สาขากรุงเทพฯ มีสินทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับสาขาของธนาคารต่างประเทศที่ดำเนินธุรกิจในไทย โดยมีสินทรัพย์รวมประมาณ 583,000 ล้านบาท และให้บริการกับลูกค้ากลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เป็นหลักมานานกว่า 50 ปี
แผนการควบรวมกิจการดังกล่าวจะเริ่มต้นประมาณต้นปี 2557 ภายหลังจากเสร็จสิ้นการทำ VTO และจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้ธนาคารสามารถให้บริการทางการเงินที่มีความหลากหลายและครบวงจรแก่ลูกค้ากลุ่มต่างๆ ด้วยการผสานความเชี่ยวชาญของ BTMU ระดับโลกเข้ากับเครือข่ายสาขาของธนาคารในไทย
นอกจากนั้น ธนาคารยังได้พูดคุยกับ BTMU ถึงความร่วมมือในอนาคตในหลากหลายมิติเพื่อนำมาซึ่งประโยชน์จากการเป็นพันธมิตรเชิงยุทธ์ที่มุ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำของธนาคารในไทยและในระดับภูมิภาค ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า
ทั้งนี้ ธนาคารได้แต่งตั้งให้ธนาคารดอยซ์แบงก์เป็นที่ปรึกษาทางการเงินสำหรับการทำ VTO ของ BTMU ในการเข้าซื้อหุ้นของธนาคาร รวมถึงการซื้อกิจการของ BTMU สาขากรุงเทพฯ
ข่าวเด่น