แม้ว่าภาพรวมตลาดทีวีตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงช่วงต้นไตรมาส 3 จะยังคงประสบกับปัญหาผู้บริโภคชะลอการซื้อทีวี เนื่องจากผู้บริโภคยังคงมีความสับสนและรอความชัดเจนของสำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เกี่ยวกับการประกาศใช้ทีวีดิจิตอล ส่งผลให้ให้ภาพรวมตลาดทีวี 2 ไตรมาสแรกของปีมีอัตราการเติบโตลดลงถึง 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งฐานยอดขายของทีวีค่อนข้างสูง เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากคูปองซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า 2,000 บาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
อย่างไรก็ตาม หลังจากทุกอย่างเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ล่าสุด กสทช. ได้ออกมาประกาศให้ผู้ประกอบการในธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำตลาดทีวีสามารถเข้าไปยื่นขอรับใบอนุญาต พร้อมรับสติ๊กเกอร์น้องดูดี เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงว่าทีวีเครื่องนี้มีคุณสมบัติรองรับสัญญาณทีวีดิจิตอลที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ส่งผลให้ภาพรวมตลาดทีวีเริ่มมีความคึกคักมากขึ้น
บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตให้สามารถจำหน่ายทีวีที่มีจูนเนอร์ในตัวรองรับสัญญาณทีวีดิจิตอลได้ ซึ่งหลังจากเปิดตัวสินค้า 13 รุ่น ที่มีจูนเนอร์รับสัญญาณดิจิตอลมาตรฐาน DVB-T2 (ดีวีบี-ทีทู) ในตัวได้ ผู้บริหารซัมซุงบอกว่ายอดขายมีการขยับตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากก่อนหน้านี้มียอดขายเติบโตที่ดีสวนกระแสภาพรวมตลาดอยู่แล้ว
นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ผู้อำนวยการธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากการชะลอกำลังซื้อของผู้บริโภค เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาบริษัทยังคงมียอดขายทีวีเติบโตในทิศทางที่ดีสวนกระแสภาพรวมตลาด โดยเฉพาะทีวีขนาดตั้งแต่ 46 นิ้วขึ้นไป เนื่องจากคนไทยหันมาชมทีวีที่มีขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นเพราะมีความคมชัดสูงกว่า
นอกจากนี้ การที่ออกมาทำกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง และมีการเปิดตัวสินค้าใหม่เข้ามาทำตลาด ประกอบกับหลังได้ใบอนุญาติจาก กสทช. ให้สามารถนำทีวีที่รับสัญญาณดิจิตอลได้เข้ามาจำหน่ายทันทีจำนวน 13 รุ่น จึงทำให้ยอดขายทีวีของซัมซุงมีอัตราการเติบโตมากขึ้น ซึ่งในส่วนของราคาขายทีวีที่รองรับสัญญาณทีวีดิจิตอล ซังซุง ได้วางราคาขายสำหรับสินค้าขนาด 32-85 นิ้ว เริ่มต้นที่ 20,000 บาทถึงกว่า 1 ล้านบาท
ล่าสุด ซัมซุง ได้ออกมาผลิตภัณฑ์ “ซัมซุง ยูเอชดี ทีวี” ทีวีที่มีความละเอียดภาพสูงสุดระดับอัลตร้าเอชดี (Ultra High Definition ) ซึ่งมีความละเอียดกว่าระบบฟูลเอชดี (Full-HD) ทั่วไปถึง 4 เท่า และมีความคมชัดมาดดว่าระบบเอชดีถึง 10 เท่าเข้าทำตลาดจำนวน 3 รุ่น เพื่อสริมทัพทีวีที่รองรับสัญญาณดิจิตอล ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าเข้าทำตลาดแล้วจำนวน 13 รุ่น
นายรัชตะกล่าวว่า หลังจากเปิดตัวซัมซุง ยูเอชดี ทีวี อย่างเป็นทางการไปแล้วในงาน IFA 2013 ประเทศเยอรมนี เมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่าได้ผลการตอบรับที่ดี เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่มักเป็นครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับความบันเทิงภายในบ้าน ซึ่งทีวีคือหนึ่งปัจจัยในการช่วยสร้างความสุขภายในครอบครัว และ ยูเอชดี ทีวี ถือเป็นทีวีที่สามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้ เพราะมีขนาดหน้าจอใหญ่และมีภาพรวมคมชัดสมจริง
สำหรับซัมซุง ยูเอชดี ทีวี ที่เปิดตัวเข้ามาทำตลาดจำนวน 3 ในครั้งนี้ ประกอบด้วย ซัมซุง ยูเอชดี ทีวี รุ่นเอส 9 (Samsung Ultra High Definition TV - UHD TV S9) ขนาด 85 นิ้ว ราคา 1,299,990 บาท และ ซัมซุง ยูเอชดี ทีวี รุ่นเอฟ 9000 (Samsung Ultra High Definition TV - UHD TV F9000) ขนาด 65 นิ้ว ราคา 189,990 บาท และ 55 นิ้ว ราคา 139,990 บาท ซึ่งทั้ง 3 รุ่นจะมีความละเอียดภาพสูงสุดระดับอัลตร้าเอชดี (Ultra High Definition ) สูงกว่า 8 ล้านพิกเซล และมีความละเอียดกว่าระบบฟูลเอชดี (Full-HD) ทั่วไปถึง 4 เท่า ผสานเทคโนโลยี 4 Steps Up-Scaling ทำให้ปรับเปลี่ยนภาพปกติให้เป็นภาพชัดได้อย่างสมบูรณ์แบบและลงตัวที่สุด
นอกจากนี้ ยังให้ภาพคมชัดสีสันสวยสมจริง โดยภาพที่เป็นสีดำก็ดำสนิทยิ่งขึ้น ภาพสีขาวก็สว่างใสขึ้นด้วยนวัตกรรม Precision Black Pro ที่เป็น Micro Dimming Ultimate เทคโนโลยีเฉพาะจากซัมซุง พร้อมเติมเต็มอรรถรสแห่งการรับชมด้วยพลังเสียงสมจริงรอบทิศทาง สำหรับรุ่นเอส 9 เป็นลำโพงระดับเวิลด์คลาส ที่ติดตั้งในตัวเครื่อง 4 ด้าน มอบพลังเสียงเพื่อความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ
ในด้านของกลยุทธ์การทำตลาด ซัมซุงมีแผนที่จะทำการตลาดแบบ 360 องศา ทั้งอะโบฟเดอะไลน์ และบีโลว์ เดอะ ไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สื่อกลางแจ้ง โฆษณา ประชาสัมพันธ์ สื่อออนไลน์ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายในช่องทางการขายแบบพรีเมียม และตัวแทนขายหลักรวมกว่า 150 ร้านค้า โดยตั้งเป้าจะขยายช่องทางการขายถึงกว่า 450 ร้านค้าภายในปี 2557 รวมถึงการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ ในพื้นที่ๆ อยู่ในความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย โดยจะเน้นในพรีเมียม เวนิว รวมถึงการใช้กลยุทธ์การบริหารลูกค้าสัมพันธ์หรือซีอาร์เอ็ม กับกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมกว่า 10,000 คนทั่วประเทศไทย
ขณะที่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซัมซุงเตรียมที่จะเปิดตัวแคมเปญ “สมาร์ท เอ็นเตอร์เทนเมนท์” เพื่อตอบสนองความต้องการแก่ผู้บริโภค ที่จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เติมเต็มอรรถรสความบันเทิงภายในบ้านอย่างเต็มรูปแบบ โดยส่งแอพพลิเคชัน Samsung Showtime ที่มีภาพยนตร์ดังทั้งไทยและต่างประเทศถูกลิขสิทธิ์กว่า 600 เรื่องจากค่ายสหมงคลฟิล์ม รวมถึงแอพพลิเคชัน Samsung Karaoke ที่มีเพลงฮิตถูกลิขสิทธิ์กว่า 1,000 เพลง ให้ผู้บริโภคได้เต็มอิ่มกันอย่างจุใจจากค่ายเพลง GMM Grammy และ BEC TERO โดยจะมีการอัพเดทคอนเทนท์ทุกๆ เดือน โดยทั้ง 2 แอพพลิเคชันนี้ ถือเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะซัมซุงสมาร์ททีวีเท่านั้น
พร้อมกันนี้ ยังเตรียมระเบิดแคมเปญใหญ่ต้อนรับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองกับแคมเปญ “Year End Promotion” เพื่อส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2557 ซึ่งหลังจากเปิดตัวสินค้าทั้ง 3 รุ่นเข้าทำตลาดเป็นชุดสุดท้ายของปีนี้ ซัมซุงมั่นใจว่าจะได้ผลการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ที่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเป้าหมายระดับบน และตอกย้ำการเป็นผู้นำในตลาดรวมทีวีเป็นปีที่ 7
จากการออกมาเปิดตลาดทีวีในระบบยูเอชดี ซัมซุงมั่นใจว่าภาพรวมของตลาดทีวียูเอชดีจะมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ประมาณ 60% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 2-3% ซึ่งแนวโน้มการเติบโตดังกล่าวถือเป็นไปในทิศทางเดียวกับแอลอีดีทีวี ซึ่งเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา ตลาดแอลอีดี ทีวี มีสัดส่วนยอดขายเพียง 3% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคที่นิยมซื้อทีวีขนาดใหญ่มากขึ้น ส่งผลให้คาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้ภาพรวมตลาดทีวีจะมีสัดส่วนยอดขายมาจากแอลอีดี ทีวี อยู่ที่ประมาณ 60% ที่เหลืออีก 40% เป็นยอดขายที่มาจากแอลซีดีและพลาสม่าทีวี ซึ่งแนวโน้มการเติบโตที่ดีของแอลอีดี ทีวี หากย้อนไปเมื่อปี 2553 สัดส่วนยอดขายแอลอีดี ทีวี มีเพียง 3% และปรับเพิ่มขึ้นมาเป็น 13% ในปี 2554 และ 33% ในปี 2555
สำหรับภาพรวมตลาดทีวีสิ้นปีนี้ คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตได้ที่ประมาณ 10% เนื่องจากได้แรงหนุนในช่วงปลายปีทั้งในด้านของการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการที่ กสทช. อนุญาตให้ผู้ประกอบการในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถขายทีวีที่รองรับสัญญาณทีวีดิจิตอลได้ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวทำให้คาดว่ายอดขายในด้านของจำนวนเครื่องสิ้นปีนี้น่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 10% จากปี 2555 ที่มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 2.8-2.9 แสนเครื่อง ขณะที่ยอดขายในด้านของมูลค่าสิ้นปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 10% เช่นกัน ซึ่งในส่วนของปี 2555 ที่ผ่านมา ตลาดรวมทีวีมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท
แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่เห็นภาพความคึกคักของการออกมาทำตลาดทีวีที่มีจูนเนอร์ในตัว เพื่อรองรับสัญญาณดิจิตอลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ แต่เชื่อว่าช่วงปลายปีนี้ภาพการแข่งขันจะเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการประมูลทีวีดิจิตอล ใครจะเป็นผู้ชนะการประมูลทีวีดิจิตอลและเครื่องใช้ไฟฟ้าค่ายไหนจะมียอดขายทีวีสูงสุด คงต้องขึ้นอยู่กับฝีมือการทำตลาดว่าจะโดนใจผู้บริโภคมากหรือน้อย.
ข่าวเด่น